วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีอยู่กับตลาดหุ้นแบบไม่ทุกข์ด้วยสติ

อยู่ให้เหมือนลิ้นงูในปากงู
พุธทาส

ธรรมชาติของมนุษย์มีกิเลสกันทุกคน ไม่งั้นจะมาลงทุนไปทำไม บางคนมาลงทุนเพราะ กลัวแก่แบบไม่มีเงิน ตายแบบจนๆ บางคนก็เข้ามาลงทุนเพราะเบื่องาน ดังนั้นในการวิเคราะห์หุ้นหรือตัดสินใจลงทุนก็หนีเรื่องกิเลศไม่พ้น ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดในตลาดหุ้นแบบไม่ทุกข์ ก็ต้องพยายามมีสติรู้ทันกิเลศต่างๆ ให้ทัน ลดอคติต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้เห็นภาพของกิจการตามความเป็นจริงได้ ไม่อย่างงั้นการตัดสินใจจะเต็มไปด้วย อารมณ์ มากกว่า เหตผล หรือซื้อหุ้นไปแล้วอยู่ในตลาดแบบทุกข์ใจไปวันๆ

ในทางตะวันตกเรื่องอารมณ์เป็นขัวข้อหนึ่งที่สำคัญในการอยู่รอดในตลาดเงินและตลาดทุนแบบไม่ทุกข์ ก็พัฒนาเครื่องมือต่างๆ ในการจัดการเช่น การท่องคาถา เล่นตามระบบ หรือหลายท่านก็ประยุกต์ศาสตร์ NLP เข้ามาใช้ในการลงทุน

ในทางพระพุทธ์ศาสนา เป้าหมายสูงสุดคือไม่ทุกข์ โดยวิธีการคือ เข้าไปศึกษา กาย ใจ จนมองเห็นตามความเป็นจริงๆ  จนเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามว่า เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามเหตปัจจัย และไม่อยู่ในอนาจบังคับ เมือเข้าใจอย่างถ่องแท้จะเห็น ทุกข์มีอยู่ แต่ไม่มีตัวเขาเข้าไปจับ โดยเครื่องมือในการศึกษากายใจก็คือสตินี่เอง ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้

สติแปล่ว่าความระลึกได้ ไม่หลง เมื่อวิเคราะห์หุ้นอย่างมี "สติ" จะเห็น ผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้ แยกออกจากกัน สิ่งที่ถูกรู้คือข้อเท็จจริงและความคิดเห็น

ข้อเท็จจริงๆ


ข้อเท็จจริง คือข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เข้ามา ทั้งงบการเงินที่ประกาศทุก ๆ ไตรมาศ ข่าวที่ประกาศทุกวัน ราคาหุ้นที่ขยับทุกวินาที ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่เป็นเท็จและจริงปะปนกันไป เราต้องมีระบบในการคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นก่อน เช่น แหล่งที่มาน่าเชื่อถือหรือไม่ เช่นข้อมูลที่ประกาศในตลาดหลักทรัพย์ ก็น่าเชื่อถือกว่าข้อมูลเขาว่า ที่ส่งต่อๆกันมาในไลน์ หรือ facebook

ความคิดเห็น


ความคิดเห็นเป็นกรบวนการภายในสมอง ถ้ามีสัมมาสติจะเห็นรูปนามแยกออกจากกันตามหลัก ขันธ์ 5 เป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูปแยกออกไปได้อีก เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ส่วนจิตใจ ก็แยกได้เป็นขันธ์อีก ๔ ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ คือความรู้สึกสุขทุกข์ สัญญาขันธ์ (คือ) ความจำได้หมายรู้ สังขารขันธ์ (คือ) ความปรุงดีปรุงชั่ว วิญญาณขันธ์ (คือ) ความรับรู้อารมณ์ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ

รูปขันธ์


ข้อเท็จริงๆต่างๆ เข้ามากระทบรูป

สัญญาขันธ์


สัญญา ความจำได้หมายรุ้ พอข้อเท็จจริงเข้ามา ก็ต้องระลึกได้ว่า หุ้นตัวนั้นทำมาหากินอะไร ทฤษฎีต่างๆที่ต้องนำมาใช้วิเคราะห์ ทั้ง เรื่องงบการเงิน การเงินธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ การประเมินมูลค่า รวมไปถึงวีรกรรมที่หุ้นตัวนี้เคยสร้างไว้ จุดสูงสุด จุดต่ำสุด ทุบลาก bid offer

เวทนาขันธ์


เวทนาขันธ์ คือความรู้สึกสุขทุกข์เฉยๆ หุ้นขึ้นก็ดีใจ หุ้นลงก็เสียใจ ถ้ามีสติรู้ทันก็ไม่เป็นไรถ้าขาดสติใจก็จะไปปรุงแต่งต่อใน สังขารขันธ์

สังขารขันธ์


สังขารขันธ์ (คือ) ความปรุงดีปรุงชั่ว มีความโลภ โกรธ หลง ผุดมาในใจเกิดมีตัวกูขึ้นมา ทำให้การตัดสินใจ ไปตามอารมณ์มากกว่าเหตผล

มีข้อมูลเข้ามาก็ต้องคิดนำข้อเท็จจริง มาผ่านกระบวนการ วิเคราะห์ (แตกภาพใหญ่เป็นภาพย่อย) และ สังเคราะห์ (รวมข้อมูลย่อยๆเป็นภาพใหญ่) ซึ่งกระบวนการสังเคราะห์ ผู้วิเคราะห์ต้องมีหลักการทฤษฎีและแนวคิดที่ชัดเจน อธิบายได้ว่าทำไมจึงเลือกทฤษฎีแนวคิดนี้มาอธิบาย


ถ้าขาดสติก็จะตัดสินใจซื้อ ถือ ขายแบบมี อคติ  โดยอคติมีสาเหตุหลักๆ 4 ประการคือ

  1. ฉันทาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะรัก หรือเพราะความพอใจ วิเคราะห์แล้วชอบใจก็อยากซื้อ
  2. โทสาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะโกรธหรือเกลียด เห็นหุ้นตัวแดงๆก็อยากขาย
  3. โมหาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะความเขลา โดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ว่าอะไรถูก,อะไรผิด,อะไรควร,หรืออะไรไม่ควร
  4. ภยาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะกลัวหรือเพราะเกรงใจ มาร์โทรมาอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนซื้อๆไป

หรือเกิดเวทนาขันธ์ คือความรู้สึกสุขทุกข์เฉยๆ หุ้นขึ้นก็ดีใจ หุ้นลงก็เสียใจ ถ้ามีสติรู้ทันก็ไม่เป็นไรถ้าขาดสติใจก็จะไปปรุงแต่งต่อ  วิเคราะห์ไปจะได้ข้อสรุป มาว่าหุ้นตัวนี้ดีหรือไม่ดี แนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร ถ้าแนวโน้มหุ้นดี เริ่มทุกข์เพราะอยากซื้อเพิ่ม แนวโน้มแย่ลงก็ก็ทุกข์อยากขาย หรือไม่เป็นหุ้นตัวอื่นน่าสนใจกว่าก็ทุกข์เพราะอยาก หรือบางครั้งหุ้นลง แต่เราไม่ได้เปิดพอร์ทดูก็เฉยๆไม่รู้สึกอะไร

วิญญาณ คือความคิดเกิดขึ้นรู้ไม่ทันก็ปรุงแต่งได้อีก เช่นซื้อหุ้นแล้วติดดอยขายขาดทุนไปรอบนั้นจบไปแล้ว พอระลึกได้ว่าเคยขาดทุน สติตามรู้ไม่ทันก็ปรุงแต่งต่อตีโพยตีพายกันไป

วิญญาณขันธ์


หรือตัว จิต ทำหน้าที่รู้ สิ่งที่ถูกรู้คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร จบหน้าที่มีเท่านี้แหละ

โดยปกติการบวนการทำงาน จะเป็นกระบวนการแบบนี้วนไปวนมาเรื่อยๆ

ข่าว กราฟกระทบรูป  โสตวิญญาณ ผัสสะ สัญญาจำ   ทุกขเวทนา   สัญญาหมายรู้   สังขารขันธ์ ปรุง ความคิด โลภะ โทสะ โมหะ 

ถ้าจิตไปรู้เข้า แล้วจิตไม่รู้ทัน ขาดสติ สิ่งที่จิตปรุงขึ้นมา คือ ความโลภความโกรธความหลงนั่นแหล่ะ จะกลับเข้ามาปรุงแต่งจิตอีกทีนึง จิตปรุงแต่งกิเลสขึ้นมาก่อน แล้วสุดท้ายกิเลส กลับมาปรุงแต่งจิตได้อีก พอกิเลสมาปรุงแต่งจิตนะ ก็คือ ขันธ์มันกลับมารวมกันนะ มันมีกูขึ้นมาอีกแล้ว มีตัวเรา ของเรา ขึ้นมาอีก

การเจริญสติ


สติแปล่ว่าความระลึกได้ ไม่หลง ตรงข้าม กับ โมหะ ความหลง
กิเลศอีกสองตัว โลภะ กับ โทสะมาพร้อมความ หลง
ดังนั้นถ้ามีสติ กิเลศก็เข้ามาปรุงแต่งไม่ได้

แต่ในโลกของการลงทุน จิตปรุงแต่งทั้งวัน เพราะเราเฝ้าหน้าจอทั้งวัน ก็มีอะไรมากระทบ ทั้งวัน ราคาเปลี่ยนแปลงที่ตลาด แต่สุขทุกข์เกิดที่จิต

เรา รู้ เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมานั้น มันต้องดับไปในที่สุด และไม่เป็นไปตามความอยากของเรา แต่เป็นไปตามเหตุของมัน

หุ้นขึ้นเพราะมีเหตุให้ขึ้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับ
หุ้นลงเพราะมีเหตให้ลงไม่อยู่ในอำนาจบังคับ

กำไรบริษัทที่เราลงทุนเพิ่มเพราะมีเหตให้เพิ่มไม่อยู่ในอำนาจบังคับ
กำไรบริษัทที่เราลงทุนลดลงเพราะมีเหตให้ลงไม่อยู่ในอำนาจบังคับ

เมื่อจิตรู้ความจริง จิตก็ปล่อยวาง ไม่เข้าไปแทรกแซงสิ่งใด คือพอเห็นอารมณ์ใดเกิดขึ้น ก็รู้ว่า "มันก็เท่านั้นเอง" "มันเป็นอย่างนั้นเอง" เมื่อจิตรู้จักปล่อยวาง จิตก็ไม่ทุกข์ เหมือนอยู่ในปากงูที่มีพิษเหลือร้าย แต่ไม่โดนมันกัดเอา เหมือนภาพของท่านพุทธทาสด้านบน เท่านี้แหละครับ

"เขี้ยวของโลกที่ขบขย้ำคนอยู่ คือ โลกธรรม ๘ ประการ กลุ่มแรก คือ ลาภ, ยศ, สุข, สรรเสริญ. กลุ่มหลัง คือ เสื่อมลาภ, เสื่อมยศ, ทุกข์, นินทา. นั่นคือการได้และการเสีย, หรือบวกกับลบ นั่นเอง, ซึ่งเป็นเพียง “มายา” ปรากฏการณ์ชั่วคราว ตามเหตุและปัจจัยปรุงแต่งขึ้น.

 เห็นความ “เกิด-ดับ” ของมายานี้แล้ว “ไม่ถือมั่น” ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม จึงอยู่ในโลก ไม่ต้องหนีไปไหน แต่ก็ไม่ถูกเขี้ยวของโลก; เหมือนลิ้นของงูอยู่ในปากงู ชิดเขี้ยวอันเต็มไปด้วยน้ำพิษ แต่ไม่เคยถูกพิษนั้นเลย. สำหรับโลกนอกตัวเราสมัยนี้ ก็นับว่าเต็มไปด้วยพิษงู เราจะอยู่อย่างฉลาดโดยไม่ถูกเข้ากับพิษเหล่านั้น มีผลเท่ากับอยู่กันคนละโลกทีเดียว."


“นั่นลูกตามองเห็นไม่เป็นหมัน       เขาใช้มันเล็งแลแก้ปัญหา
อยู่ในโลกอย่างไรไม่ทรมาน         พิจารณาตรองไปให้จงดี
อยู่ให้เหมือนลิ้นงูในปากงู             ไม่เคยถูกเขี้ยวงูอยู่สุขศรี
อยู่ในโลกไม่เคยถูกเขี้ยวโลกีย์    เป็นเช่นนี้อุปมาอย่าฟั่นเฟือน
คิดดูบ้างนั่งได้ในปากงู                  ไม่เคยถูกเขี้ยวงูอยู่เสมือน
นั่งในห้องแสนสบายภายในเรือน   มีเค้าเงื่อนเหมือนพระภควันต์
อยู่ในโลกไม่กระทบโลกธรรม      อยู่เหนือกรรมเหนือทุกข์เป็นสุขสันต์
ใครมีตารีบเคารพนอบนบพลัน      รีบพากันทำตามยามนี้เอย ฯ .”

จบ เจริญในการลงทุนทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

สงสัยอะไรถามได้ครับผม