ความรู้ดีๆ เรื่องทฤษฎีดนตรี คอร์ด เสียงประสาน รวมรวมจากหน้าเพจ MR Arranger สอนทำเพลง แต่งเพลง Mix Mastering รับผลิตเพลงครบวงจร สรุปทฤษฎีการเรียบเรียงเสียงประสานมาได้เยี่ยมมาก
อ่านแล้วชอบไปลงทะเบียนคอร์ส อ เขาได้ที่ mrarranger.com ราคาไม่แพงและโคตรดี
1.เรียนรู้ Major Scale และ Minor Scale
Major Scale และ Minor Scale คือบันไดเสียงพื้นฐานที่สำคัญในการทำเพลง
Major Scale (บันไดเสียงเมเจอร์):
1. โครงสร้าง: Whole-Whole-Half-Whole-Whole-Whole-Half
2. ตัวอย่างในคีย์ C: C-D-E-F-G-A-B-C
Minor Scale มี 3 แบบ:
1. Natural Minor
- โครงสร้าง: Whole-Half-Whole-Whole-Half-Whole-Whole
- ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G-A
2. Harmonic Minor
- เพิ่มความเข้มของคอร์ด V7 โดยยกโน้ตตัวที่ 7 ขึ้นครึ่งเสียง
- ตัวอย่างในคีย์ Am: A-B-C-D-E-F-G#-A
3. Melodic Minor
- ขาขึ้น: A-B-C-D-E-F#-G#-A (คล้าย Major Scale)
- ขาลง: A-G-F-E-D-C-B-A (เหมือน Natural Minor)
การไล่คีย์ทาง major 7# 7b |
1.1 เทคนิค ไล่คีย์ MAJOR 7# 7b ได้ใน 3 นาที
การไล่คีย์ทาง #
เครื่องหมาย # คือสูงขึ้นครึ่งเสียง
สูตรคือ 57 : ไล่ขึ้นไปตัวที่ 5 มาไว้เป็นตัวที่ 1 ของคีย์ถัดไป แล้วตัวที่ 7 ติด #
จะได้โครงสร้างแบบ Major scale พอดี
ลองไล่ดู
KEY C = C D E F G A B C ไม่ติด # b อะไร
จากนั้นไล่ขึ้นตัวที่ 5 มาเป็นตัวที่ 1 ก็คือ KEY G นั่นเอง และตัวที่ 7 ติด # คือตัว F จะได้
Key G = G A B C D E F# G
จากนั้นไล่ขึ้นตัวที่ 5 มาเป็นตัวที่ 1 ก็คือ KEY D นั่นเอง และตัวที่ 7 ติด # คือตัว C จะได้
Key D = D E F# G A B C# D (ตอนยกมาอย่าลืมเอา # ของเดิมมาด้วย)
จากนั้นไล่ขึ้นตัวที่ 5 มาเป็นตัวที่ 1 ก็คือ KEY A นั่นเอง และตัวที่ 7 ติด # คือตัว G จะได้
Key A = A B C# D E F# G# A (ตอนยกมาอย่าลืมเอา # ของเดิมมาด้วย)
.
.
ทำไปเรื่อยๆจนครบ 7#
การไล่คีย์ทาง b
b คือลดลงครึ่งเสียง
สูตรคือ 44 : นับขึ้น 4 เสียง มาเป็นตัวที่ 1 ของคีย์ถัดไป แล้วตัวที่ 4 ติด b
Key C = C D E F G A B C ไม่ติด # b อะไร
นับขึ้น 4 เสียง มาเป็นตัวที่ 1 ของคีย์ถัดไปได้ Key F แล้วตัวที่ 4 ติด b คือตัว Bb จะได้
Key F = F G A Bb C D E F
นับขึ้น 4 เสียง มาเป็นตัวที่ 1 ของคีย์ถัดไปได้ Key Bb แล้วตัวที่ 4 ติด b คือตัว Eb จะได้
Key F = Bb C D Eb F G A Bb
นับขึ้น 4 เสียง มาเป็นตัวที่ 1 ของคีย์ถัดไปได้ Key Eb แล้วตัวที่ 4 ติด b คือตัว Ab จะได้
Key F = Eb F G Ab Bb C D Eb
ทำไปเรื่อยๆจนครบ 7b
1.2 ได้ major แล้ว minor ก็หมูๆ
คีย์ minor ที่สอดคล้องกัน |
จาก 2.1 เราได้ คีย์ 7# 7b มาแล้ว ให้เรานับลงไป 3 เสียง ห่างกัน 1 เสียง ครึ่ง จะได้คีย Natural Minor ที่ สัมพันธ์กับ คีย์ Major หลัก และยกตัวที่ 7 จะได้ Harmonic Minor
ตัวอย่าง Key C ก็จะมี Key A minor สัมพันธ์กัน
2.เรียนรู้เรื่องขั้นคู่ (Intervals) พื้นฐาน
ขั้นคู่ (Intervals) คือระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว:
ในข้อสอบหรือชีวิจริง จะมีโน๊ตมาให้ 2 ตัว ให้เราบอกว่าขั้นคู่อะไร
ก่อนสอบผมจะเขียน C major ก่อน แล้วใส่ขั้นคู่ไป จากนั้นก็นับระยะห่างเอา ใช้ระยะห่างนี่แหละบอกคั่นคู่
ขั้นคู่ 1 เพอร์เฟค (P1): C→C ห่างกัน 0 เสียง
ขั้นคู่ 2 เมเจอร์ (M2): C→D ห่างกัน 1 เสียง C_D
ขั้นคู่ 3 เมเจอร์ (M3): C→E ห่างกัน 2 เสียง C_D_ E
ขั้นคู่ 4 เพอร์เฟค (P4): C→F ห่างกัน 2 เสียงครึ่ง C_D_E^F
ขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค (P5): C→G ห่างกัน 3 เสียง ครึ่ง C_D_E^F_G
ขั้นคู่ 6 เมเจอร์ (M6): C→A ห่างกัน 4 เสียงครึ่ง C_D_E^F_G_A
ขั้ขั้นคู่ 7 เมเจอร์ (M7): C→B ห่างกัน 5 เสียงครึ่ง C_D_E^F_G_A_B
ขั้นคู่ 8 เพอร์เฟค (P8): C→C ห่างกัน 6 เสียง C_D_E^F_G_A_B^C
ขึ้นจาก major ครึ่งเสียงก็ augmented
สมมติโจทย์ถามว่า E G# ขั่นคู่อะไร
คู่ 3 ต้องมาแระ E F G# แต่ 3 อะไรต้องดูอีกทีจากความห่าง
E^F_^G# ห่างกัน 2 เสียง
ไปดูที่เราจดไว้ห่างกัน 2 เสียงคือ คู่ 3 Major
เอาโจทย์ไปลองนับเล่นกันดูครับ
ขั้นคู่เมเจอร์ (Major)
ขั้นคู่ 2 เมเจอร์ (M2): C→D
ขั้นคู่ 3 เมเจอร์ (M3): C→E
ขั้นคู่ 6 เมเจอร์ (M6): C→A
ขั้นคู่ 7 เมเจอร์ (M7): C→B
ขั้นคู่ไมเนอร์ (minor)
ขั้นคู่ 2 ไมเนอร์ (m2): C→Db
ขั้นคู่ 3 ไมเนอร์ (m3): C→Eb
ขั้นคู่ 6 ไมเนอร์ (m6): C→Ab
ขั้นคู่ 7 ไมเนอร์ (m7): C→Bb
ขั้นคู่เพอร์เฟค (Perfect)
ขั้นคู่ 1 เพอร์เฟค (P1): C→C
ขั้นคู่ 4 เพอร์เฟค (P4): C→F
ขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค (P5): C→G
ขั้นคู่ 8 เพอร์เฟค (P8): C→C
3.การสร้างคอร์ด Triad (คอร์ดสามเสียง)
การสร้างคอร์ด Triad หรือคอร์ดสามเสียง มีดังนี้:
Major Triad
ประกอบด้วย: Root - Major 3rd - Perfect 5th
ตัวอย่าง C Major: C-E-G
สัญลักษณ์: C
Minor Triad
ประกอบด้วย: Root - Minor 3rd - Perfect 5th
ตัวอย่าง C Minor: C-Eb-G
สัญลักษณ์: Cm
Diminished Triad
ประกอบด้วย: Root - Minor 3rd - Diminished 5th
ตัวอย่าง C Diminished: C-Eb-Gb
สัญลักษณ์: C°
Augmented Triad
ประกอบด้วย: Root - Major 3rd - Augmented 5th
ตัวอย่าง C Augmented: C-E-G#
สัญลักษณ์: C+
สมมติอยากได้ คอร์ด D major
ไล่ Sale D major มาก่อน
D E F# G A B C# D
D major คือตัวที่ 1-3-5 = D F# A
4.ทำความรู้จักกับ Diatonic Chords
Diatonic Chords คือคอร์ดที่เกิดจากโน้ตในบันไดเสียงเมเจอร์ แบ่งเป็น 7 ระดับ:
1. คอร์ด I (Tonic) - คอร์ดหลัก เช่น C ในคีย์ C
2. คอร์ด ii (Super-tonic) - คอร์ดรอง เช่น Dm ในคีย์ C
3. คอร์ด iii (Mediant) - คอร์ดรอง เช่น Em ในคีย์ C
4. คอร์ด IV (Sub-dominant) - คอร์ดรอง เช่น F ในคีย์ C
5. คอร์ด V7 (Dominant) - คอร์ดดอมินันท์ เช่น G7 ในคีย์ C
6. คอร์ด vi (Sub-mediant) - คอร์ดรอง เช่น Am ในคีย์ C
7. คอร์ด vii° (Leading tone) - คอร์ดดิมินิชท์ เช่น Bdim ในคีย์ C
chords-function-diagram |
ใน 1 key มี 7 คอร์ด
จับเป็น 3 กลุ่มตาม function ของคอร์ท
เหตุผลที่มองคอร์ทเป็นตัวเลข เพราะสะดวกเวลาเปลี่ยนคีย์ ก็สามารถเปลี่ยนคอร์ดตามแล้วเล่นได้ได้เลย จำสูตรแค่ คีย์ C คีย์เดียว ทดเสียงได้ทุกคีย์
Tonic เหมือนบ้าน ส่วนใหญ่จะเริ่มที่คอรท 1 แล้วจบคอร์ท 1 ประกอบด้วย I, vi, iii
Pre dominant กลุ่มนี้เหมือนอยากไปต่อ กลับบ้าน Tonic หรือไป Dominant ก็เข้าที ประกอบด้วย IV, ii
Domonant เสียงจะพุ่งอยากกลับบ้าน Tonic ประกอบด้วยคอร์ท V, vii
คลิปนี้ อธิบายดี รูปสวย
เวลาใส่คอร์ท เบื้องต้นรู้คีย์ แล้วใส่ 3 คอร์ท I VI V ก็ครอบคลุมทำนองล่ะ
อย่างคีย์ C ก็คอร์ท C F G
เบื่อๆก็เอาคอร์ดใน function เดี่ยวกันมาใช่ เช่นคอร์ด I ก็เอา iii หรือ vi มาแทน
ยังน่าเบื่ออีกต้อง Reharmonization Techniques ไปเรื่อย คือ เอาความรู้ตั้งแต่ข้อ 5 ลงไป เอามาแทนคอร์ดเดิม ให้มันน่าสนใจขึ้น
5.การสร้างคอร์ด 7th (Seventh Chords)
Major 7th (Maj7)
ประกอบด้วย: Major Triad + Major 7th
ตัวอย่าง CMaj7: C-E-G-B
สัญลักษณ์: CMaj7, CM7, C△7
Dominant 7th (7)
ประกอบด้วย: Major Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง C7: C-E-G-Bb
สัญลักษณ์: C7
Minor 7th (m7)
ประกอบด้วย: Minor Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง Cm7: C-Eb-G-Bb
สัญลักษณ์: Cm7
Half Diminished 7th (m7b5)
ประกอบด้วย: Diminished Triad + Minor 7th
ตัวอย่าง Cm7b5: C-Eb-Gb-Bb
สัญลักษณ์: Cm7b5, Cø7
Diminished 7th (dim7)
ประกอบด้วย: Diminished Triad + Diminished 7th
ตัวอย่าง Cdim7: C-Eb-Gb-Bbb
สัญลักษณ์: Cdim7, C°7
6.Extended Chords (คอร์ดขยาย 9, 11, 13)
Extended Chords คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ด 7th:
1. คอร์ด 9 (Ninth Chords)
- Major 9: คอร์ด Maj7 + Major 9
- ตัวอย่าง CMaj9: C-E-G-B-D
- สัญลักษณ์: CMaj9, CM9
- Dominant 9: คอร์ด 7 + Major 9
- ตัวอย่าง C9: C-E-G-Bb-D
- สัญลักษณ์: C9
2. คอร์ด 11 (Eleventh Chords)
- Major 11: คอร์ด Maj9 + Perfect 11
- ตัวอย่าง CMaj11: C-E-G-B-D-F
- สัญลักษณ์: CMaj11, CM11
- Dominant 11: คอร์ด 9 + Perfect 11
- ตัวอย่าง C11: C-E-G-Bb-D-F
- สัญลักษณ์: C11
3. คอร์ด 13 (Thirteenth Chords)
- Major 13: คอร์ด Maj11 + Major 13
- ตัวอย่าง CMaj13: C-E-G-B-D-F-A
- สัญลักษณ์: CMaj13, CM13
- Dominant 13: คอร์ด 11 + Major 13
- ตัวอย่าง C13: C-E-G-Bb-D-F-A
- สัญลักษณ์: C13
7.การ Modulation (การเปลี่ยนคีย์) พื้นฐาน
การ Modulation มี 3 วิธีพื้นฐาน:
1. Common Chord Modulation
- ใช้คอร์ดที่มีร่วมกันระหว่าง 2 คีย์
- ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:
* คอร์ด G เป็น V ในคีย์ C
* คอร์ด G เป็น I ในคีย์ G
* ลำดับ: C → G → D7 → G
2. Direct Modulation
- เปลี่ยนคีย์ทันทีแบบฉับพลัน
- นิยมเปลี่ยนขึ้นครึ่งเสียง หรือ 4 เสียง
- ตัวอย่าง:
* C → C# (ขึ้นครึ่งเสียง)
* C → F (ขึ้น 4 เสียง)
3. Pivot Chord Modulation
- ใช้คอร์ดที่มีหน้าที่ต่างกันใน 2 คีย์
- ตัวอย่างจากคีย์ C ไป G:
* Am เป็น vi ในคีย์ C
* Am เป็น ii ในคีย์ G
* ลำดับ: C → Am → D7 → G
8.คอร์ดแทน (Substitute Chords) พื้นฐาน
คอร์ดแทน คือการใช้คอร์ดอื่นที่มีโน้ตคล้ายกันแทนคอร์ดหลัก:
1. คอร์ดแทนแบบ Relative
- vi แทน I (Am แทน C)
- iii แทน I (Em แทน C)
- ii แทน IV (Dm แทน F)
2. คอร์ดแทนแบบ Secondary Dominant
- V7/V แทน ii (D7 แทน Dm)
- V7/ii แทน vi (A7 แทน Am)
- V7/vi แทน iii (E7 แทน Em)
3. คอร์ดแทนแบบ Tritone Substitution
- แทนคอร์ด V7 ด้วยคอร์ด bII7
- ตัวอย่าง: Db7 แทน G7 ในคีย์ C
- ลำดับ: Dm7 → Db7 → CMaj7
4. คอร์ดแทนแบบ Diminished
- dim7 แทน V7
- ตัวอย่าง: Bdim7 แทน G7
- ใช้เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)
9.Secondary Dominant และการนำไปใช้
Secondary Dominant คือคอร์ด V7 ที่นำไปสู่คอร์ดอื่นที่ไม่ใช่คอร์ด I:
1. V7/V (Five of Five)
- คือคอร์ด V7 ของคอร์ด V
- ตัวอย่างในคีย์ C:
* D7 (V7) → G (V)
* ลำดับ: C → D7 → G7 → C
2. V7/ii
- คือคอร์ด V7 ของคอร์ด ii
- ตัวอย่างในคีย์ C:
* A7 (V7) → Dm (ii)
* ลำดับ: C → A7 → Dm → G7
3. V7/vi
- คือคอร์ด V7 ของคอร์ด vi
- ตัวอย่างในคีย์ C:
* E7 (V7) → Am (vi)
* ลำดับ: C → E7 → Am → G7
4. V7/IV
- คือคอร์ด V7 ของคอร์ด IV
- ตัวอย่างในคีย์ C:
* C7 (V7) → F (IV)
* ลำดับ: C → C7 → F → G7
10.Modal Interchange (การยืมคอร์ดจาก Mode อื่น)
Modal Interchange คือการยืมคอร์ดจาก Mode อื่นมาใช้ในคีย์หลัก:
1. ยืมคอร์ดจาก Parallel Minor
- ในคีย์ C Major สามารถยืมคอร์ดจาก C Minor:
* bVI (Ab) แทน vi (Am)
* bIII (Eb) แทน iii (Em)
* iv (Fm) แทน IV (F)
* bVII (Bb) แทน V7 (G7)
2. คอร์ดที่นิยมยืมมาใช้
- bVI - bVII - I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Ab - Bb - C
- iv - V7 - I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Fm - G7 - C
- i - IV - I
* ตัวอย่างในคีย์ C: Cm - F - C
3. การนำไปใช้
- ใช้สร้างความรู้สึกหม่น เศร้า
- เพิ่มสีสันให้คอร์ดโปรเกรสชัน
- สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม
11.Circle of Fifths
Circle of Fifths คือวงจรคอร์ดที่เรียงตามขั้นคู่ 5 เพอร์เฟค:
1. ลำดับของ Circle of Fifths
- ตามเข็มนาฬิกา (เพิ่มช้าร์ป): C → G → D → A → E → B → F# → C#
- ทวนเข็มนาฬิกา (เพิ่มแฟลต): C → F → Bb → Eb → Ab → Db → Gb → Cb
2. การนำไปใช้ในการทำเพลง
- ii-V-I Progression
* ตัวอย่างในคีย์ C: Dm7 → G7 → C
* ตัวอย่างในคีย์ G: Am7 → D7 → G
3. การเชื่อมคอร์ดแบบ Circle Progression
- คีย์ C: Dm7 → G7 → CMaj7 → Fmaj7 → Bm7b5 → E7 → Am7
- สร้างความรู้สึกเคลื่อนที่และลื่นไหล
4. การหาคีย์ที่สัมพันธ์กัน
- คีย์ที่อยู่ติดกันใน Circle สามารถ Modulate ถึงกันได้ง่าย
- ใช้หาคอร์ดที่เข้ากันในการแต่งเพลง
12.การใช้ Modes (โหมด) ในการทำเพลง
Modes คือบันไดเสียงที่สร้างจากการเริ่มต้นที่โน้ตต่างๆ ใน Major Scale:
1. Ionian (Major Scale)
- เริ่มจากโน้ตที่ 1
- ตัวอย่างในคีย์ C: C D E F G A B C
- ให้ความรู้สึก: สดใส มั่นคง
2. Dorian
- เริ่มจากโน้ตที่ 2
- ตัวอย่างจาก C Major: D E F G A B C D
- ให้ความรู้สึก: เศร้าแต่มีความหวัง
3. Phrygian
- เริ่มจากโน้ตที่ 3
- ตัวอย่างจาก C Major: E F G A B C D E
- ให้ความรู้สึก: ลึกลับ ตะวันออก
4. Lydian
- เริ่มจากโน้ตที่ 4
- ตัวอย่างจาก C Major: F G A B C D E F
- ให้ความรู้สึก: สว่าง ล่องลอย
5. Mixolydian
- เริ่มจากโน้ตที่ 5
- ตัวอย่างจาก C Major: G A B C D E F G
- ให้ความรู้สึก: สนุก เป็นกันเอง
6. Aeolian (Natural Minor)
- เริ่มจากโน้ตที่ 6
- ตัวอย่างจาก C Major: A B C D E F G A
- ให้ความรู้สึก: เศร้า หม่นหมอง
7. Locrian
- เริ่มจากโน้ตที่ 7
- ตัวอย่างจาก C Major: B C D E F G A B
- ให้ความรู้สึก: ตึงเครียด ไม่มั่นคง
13.การใช้คอร์ด Suspended (Sus Chords)
คอร์ด Suspended คือคอร์ดที่แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยโน้ตอื่น:
1. Sus4 (Suspended 4th)
- แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 4
- โครงสร้าง: 1-4-5
- ตัวอย่าง:
* Csus4: C-F-G
* Gsus4: G-C-D
2. Sus2 (Suspended 2nd)
- แทนที่ขั้นคู่ 3 ด้วยขั้นคู่ 2
- โครงสร้าง: 1-2-5
- ตัวอย่าง:
* Csus2: C-D-G
* Gsus2: G-A-D
3. การนำไปใช้
- เป็นคอร์ดผ่าน (Passing Chord)
- สร้างความรู้สึกลอย ไม่จบ
- นิยมใช้สลับกับคอร์ดปกติ:
* C → Csus4 → C
* G → Gsus2 → G
4. Sus7 Chords
- ผสมระหว่าง Sus กับ 7th
- ตัวอย่าง:
* C7sus4: C-F-G-Bb
* G7sus4: G-C-D-F
14.การใช้คอร์ด Add (Added Tone Chords)
คอร์ด Add คือการเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ดพื้นฐานโดยไม่ต้องเรียงตามลำดับ:
1. Add9 Chords
- เพิ่มโน้ต 9 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
- ต่างจาก 9th ตรงที่ไม่มีโน้ต 7
- ตัวอย่าง:
* Cadd9: C-E-G-D
* Gadd9: G-B-D-A
2. Add11 Chords
- เพิ่มโน้ต 11 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
- ตัวอย่าง:
* Cadd11: C-E-G-F
* Gadd11: G-B-D-C
3. Add6 Chords
- เพิ่มโน้ต 6 เข้าไปในคอร์ดพื้นฐาน
- ตัวอย่าง:
* Cadd6: C-E-G-A
* Gadd6: G-B-D-E
4. การนำไปใช้
- สร้างความหวาน นุ่มนวล
- เพิ่มสีสันให้คอร์ดโดยไม่เปลี่ยนฟังก์ชัน
- นิยมใช้ในเพลงป็อปและแจ๊ส
15.การใช้คอร์ด Slash Chords (คอร์ดสแลช)
Slash Chords คือคอร์ดที่มีโน้ตเบสต่างจากรูทโน้ต เขียนในรูปแบบ คอร์ด/เบส:
1. คอร์ดสแลชพื้นฐาน
- C/E: คอร์ด C แต่ใช้ E เป็นเบส (E-G-C)
- C/G: คอร์ด C แต่ใช้ G เป็นเบส (G-C-E)
- Am/C: คอร์ด Am แต่ใช้ C เป็นเบส (C-A-C-E)
2. การใช้งานทั่วไป
- สร้างการเคลื่อนที่ของเบส
- เชื่อมระหว่างคอร์ด
- ตัวอย่าง: C → C/B → Am → Am/G → F → F/E → Dm → G
3. คอร์ดสแลชที่นิยมใช้
- คอร์ดเมเจอร์: C/E, F/A, G/B
- คอร์ดไมเนอร์: Am/C, Em/G, Dm/F
- คอร์ดเซเวน: G7/B, D7/F#, C7/E
4. ประโยชน์
- ทำให้การเคลื่อนที่ของเบสราบรื่น
- สร้างความน่าสนใจให้คอร์ดโปรเกรสชัน
- เพิ่มมิติให้กับการประสานเสียง
16.การใช้ Altered Dominant Chords
Altered Dominant Chords คือการปรับเปลี่ยนโน้ตในคอร์ด Dominant 7 เพื่อสร้างความน่าสนใจ:
1. Altered Notes ที่นิยมใช้
- b9 (flat nine)
- #9 (sharp nine)
- b5 หรือ #11
- b13 หรือ #5
2. รูปแบบ Altered Dominant ที่นิยม
- 7(b9): G7(b9) = G-B-D-F-Ab
- 7(#9): G7(#9) = G-B-D-F-A#
- 7(b5): G7(b5) = G-B-Db-F
- 7(#5): G7(#5) = G-B-D#-F
- 7(b9,b13): G7(b9,b13) = G-B-D-F-Ab-Eb
3. การนำไปใช้
- ใช้แทน V7 ปกติเพื่อเพิ่มความตึงเครียด
- นิยมในเพลงแจ๊สและฟิวชัน
- สร้างความรู้สึกไม่คาดคิด ก่อนจบประโยค
4. ตัวอย่างการใช้งาน
- ii-V7alt-I: Dm7-G7(b9,b13)-CMaj7
- ii-V7alt-i: Dm7-G7(#9)-Cm7
17.การใช้ Polychords (การซ้อนคอร์ด)
Polychords คือการนำคอร์ดสองคอร์ดมาซ้อนกัน เขียนในรูปแบบ คอร์ดบน/คอร์ดล่าง:
1. รูปแบบ Polychords พื้นฐาน
- Em/C = Em ซ้อนบน C (C-E-G-B)
- G/C = G ซ้อนบน C (C-G-B-D)
- Dm/C = Dm ซ้อนบน C (C-D-F-A)
2. Polychords ที่นิยมใช้
- maj7#11: Dmaj/C = C-D-F#-A
- 13sus4: G/C = C-G-B-D
- min11: Em/C = C-E-G-B
3. การนำไปใช้
- สร้างความซับซ้อนทางเสียง
- เพิ่มสีสันให้คอร์ดธรรมดา
- สร้างความรู้สึกลอยๆ ไม่มั่นคง
4. ตัวอย่างการใช้งาน
- แทนคอร์ด maj7: Emaj/C แทน Cmaj7
- แทนคอร์ด 13: G/C แทน C13
- สร้างซาวด์แจ๊สสมัยใหม่
การใช้ Chromatic Approach Chords
Chromatic Approach Chords คือการใช้คอร์ดที่อยู่ห่างกันครึ่งเสียงเพื่อเข้าสู่คอร์ดเป้าหมาย:
1. วิธีการใช้งานพื้นฐาน
- Approach จากด้านบน (ครึ่งเสียงลง)
- Approach จากด้านล่าง (ครึ่งเสียงขึ้น)
- Double Approach (ทั้งบนและล่าง)
2. รูปแบบที่นิยม
- ใช้ dim7 เป็นตัว Approach
- ใช้ dom7 เป็นตัว Approach
- ใช้ m7b5 เป็นตัว Approach
3. ตัวอย่างการใช้งาน
- C → Dbdim7 → Dm7
- Cmaj7 → B7 → Bbm7
- Dm7 → Ebm7 → Em7
4. เทคนิคพิเศษ
- การใช้ Chromatic Line Bass
- การใช้ Chromatic Inner Voice
- การสร้าง Walking Bass Line
20.การใช้ Reharmonization Techniques
Reharmonization คือการปรับเปลี่ยนคอร์ดโปรเกรสชันเดิมให้น่าสนใจขึ้น:
1. เทคนิคพื้นฐาน
- การเพิ่มคอร์ดผ่าน (Passing Chords)
- การแทนที่คอร์ด (Chord Substitution)
- การเพิ่มคอร์ดรอง (Secondary Chords)
- การใช้ Tritone Substitution
2. วิธีการ Reharmonize
- เปลี่ยนคอร์ดแต่คงเมโลดี้เดิม
- เพิ่มการเคลื่อนที่ของเบส
- ใช้คอร์ดที่ซับซ้อนขึ้น
- สร้างการเคลื่อนที่ของ Voice Leading
3. ตัวอย่างการ Reharmonize
จากคอร์ดพื้นฐาน: C - Am - F - G7
เป็น: CMaj9 - Am11 - F6/9 - G13b9
4. การประยุกต์ใช้
- ปรับเพลงป็อปให้เป็นแจ๊ส
- สร้างความน่าสนใจในท่อนเชื่อม
- เพิ่มความซับซ้อนในการประสานเสียง
อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด
✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา
☀เรียนแล้วได้อะไร☀
✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง
=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310
=======================================
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม