ตัวนี้ผมก็คิดว่าน่าจะ turn around เหมือนกันนะครับลองศึกษากันดู
ตัวนี้คือ ple
- งานด้่านโยธาที่ทำให้ขาดทุน บริษัทได้ทำการขายบริษัทย่อยแล้ว และได้บันทึกด้อยค่าลงแล้ว รวมถึงงานบ้านเอื้ออาทร ที่เป็นตัวฉุดกำไรลงตลอดจบไปแล้่ว
- รายได้จากโซโห ที่จะเริ่มเข้ามาหลัง grand opening เดือน กพ.นี้ และคาดว่าจะมีการเปิด pop fund อันจะทำให้เกิดกำไรอีกพอควร
- eps เมือ่ดูย้อนหลัง หลังจากตัดรายการพิเศษออกไปแล้วมีกำไรตั้งแต่ Q2 Q3 แล้วซึ่ง Q4 ถ้าไม่มีอะไรน่าจะกำไร
- .ยอดงาน bag log จากส่วน mega project ที่เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆและเป็นงานที่ ple ถนัดคืองานส่วนของระบบ
พื้นฐานหุ้น คร่าวๆ
พฐ.ธุรกิจ เป็นบริษัทก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง ck itd งานที่ได้ก็เป็นเช่นพวกงาน CPN งานสถานที่ราชการใหญ่ aot อะไรทำนองนี้
ความน่าสนใจบริษัทนี้
บริษัทนี้เคยเป้นบริษัทชั้นดีมากก่อนตลาดให้ premium สุดๆเพราะว่าด้วยงานที่ทำอยู่เป้นงานที่ได้ margin สูงมากและมีคู่แข่งไม่มากเท่างานโยธา ตอนได้งานสุวรรณภูมเคยทำราคาได้สูงสุดถึง 19-20 บาท มีการเพิ่มทุนจากอดีตเท่าที่จะได้ราคาจำไม่ได้แม่นเท่าไหร่ ครั้งแรกคือ เกือบๆ 9 บาท ครั้งที่ 2 เกือบๆ 5 บาท แต่ ple ต้องเข้าอยู่ในความตกต่ำอันเนื่องมาจาก การประเมินงานผิดและทำให้บริษัทขาดทุนติดต่อกันอย่างยาวนาน เพราะการตัดสินใจเข้าสู่งานด้านก่อสร้างโยธา ซึ่งมีการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมา งานที่ทำให้เจ็บหนักๆมี 2 งานคือ
- งานบ้านเอื้ออาทร
- งานทีดูไบ
งานของ ple
งานและระบบที่ติดตั้งได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่
- งานก่อสร้างโยธา สัดส่วนรายได้เกือบ70%
- ระบบไฟฟ้า
- ระบบปรับอากาศ
- ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย
- ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
ธุรกิจ 2 3 4 5 รวมๆกันเพียงแค่30% แต่ margin สูงกว่ามาก ลองดูงบ Q3 ดูได้ครับรายได้ลดลงมากแต่ว่ากำไรดีขึ้นมากเมื่อตัดรายการพิเศษออก
ถ้าดูงานที่เป็นตัวดึงผลกำไรลงจะเห็นว่างานด้านโยธาซึ่งเป็นงานที่ ple ไม่ถนัดทำมาเป็นตัวถ่วง แต่เมื่อปีที่แล้ว ple ได้ทำการขายหุ้นPower Line Engineering – Qatar W.L.L ที่ส่วนมากเป็นงานด้านโยธาและเป็นงงานนอกประเทศที่ทำให้งบรวมของ ple ขาดทุนติดๆกันมาในปี 56 หลังเสร็จสิ้นการตั้งสำรองหนี้สูญของโครงการบ้านเอื้ออาทร และบริษัทย่อยในกาตาร์แล้วทั้งจำนวนในปี 55 ดังนั้น
แม้ว่า 4Q55 คาดว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิเล็กน้อยราว 14 ล้านบาทจากการตั้งสำรองโครงการบ้านเอื้ออาทร
และหนี้สินของบำรุงเมืองส่วนที่เหลืออีกราว 100 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว 4Q55 จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน(สัญญานดีมาแล้ว)
สิ่งที่จะทำให้หุ้นตัวนี้ฟื้นกลับมา
- จาก Backlog ราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทะยอยรับรู้รายได้เข้ามาและงานที่เหลือจะเป็นงานดั้งเดิมที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญซึ่งคาดว่าจะทยอยรับมาได้อย่างต่อเนื่องเมื่อไม่มีงานด้านโยธาเข้ามาแล้ว
ถ้าดูงบการเงินเช็คหลังจากตัดรายการที่ไม่ปรกติออกและเมื่อดูงบการเงินเดี่ยวจะเห้นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนลองไปดูได้ครับ ผมทำประเมินไว้บ้างแล้วแต่ไม่อยากเอาลงกลัว bias กันมากไป
2.ตัวนี้ผมถือเป็นพระเอกเลยนั้นคือ Soho plaza เดิม ple เคยรับจ้างสร้างห้างชื่อโบ้เบ้พลาซ่ามูลค่าก่อสร้าง800ล้านบาท แต่ผู้ว่าจ้างไม่สามารถจ่ายเงินให้ ple ได้ ple จึงทำการยึดมาซะเลย โดยได้ตัดมูลค่าเสียหายไปแล้ว
ซึ่งโซโห เป็นห้างที่อยู่แถวโบ้เบ้ครับขนาดเนื้อที่ 16 ไร่ ผมว่าแค่ราคาที่ดินตอนนี้ยังซื้อไม่ได้เลยมั้งครับ555 เจ้าตัวโซโหผมคาดว่า ple จะทำเหมือน ticon ทำน่าเป็นวิธีที่ดีสุดคือขายเป็ย property fund
ซึ่งถ้ามีการจัดตั้งจริง ple สามารถ book กำไรจากการขายสินทรัพย์นี้ได้เลย และกำไรจาก โซโห ไม่ต้องตัดค่าเสื่อมให้กระทบกับงบด้วย win win และไม่ต้องใช้เงินของตัวเองเลย แถมกำไรจากส่วนนี้น่าจะสูงมากเพราะ
ต้นทุนที่ยึดมาต่ำสุดๆ ผมอยากให้ลองอ่าน model การทำให้เกิด โซโห ดู http://www.bkkonline.com/scripts/news/popup.aspx?contentid=31488 มันเป็น ยุทธศาสตร์ที่มีผลกับบริษัทอย่างมากซึ่ง ple สามารถใช้ pricing war ได้ง่ายมากเพราะต้นทุนต่ำสุดๆ ผมคิดว่าน่าจะเกิดนะครับ เดิม soho จะเปิดตั้งนานแล้วแต่ติดปัญหามาตลอด กำหนดการขายคือ กพปีหน้าจุดนี้เมื่อรวมกับ core business เดิมผมว่าถูกมากครับส่วนตัวเลขขอไม่ลงแล้วกันนะครับ
ปล.ชั้นล่างสุดจองเต็มละ
update data from IR วันนี้ เค้าบอกประเด็นบ้านเอื้อาทรจบไปแล้วแต่เหลือติดคดีที่ฟ้องกันอยู่ 2 โครงการ ส่วนโซโหกำลังทำเรื่องยื่นเข้า Prop fund ไม่ยอมบอกเวลาไหน ส่วนงานโยธายังมีอยู่บ้าง backlog แม่มก็ไม่บอก เปิดตัวโซโหตามข่าวที่บอกเป็น Grand opening
เพิ่มส่วนโซโหที่ต้องเปิด 28 กพ เพราะจะครบรอบปีพอดีจากสัญญาเช่าถึงปี 2580 เพราะฉะนั้นเหลือสิทธิเช่าอีก 24 ปี ขายเข้า prop fund ก็สบายตัวไม่ต้องตัดค่าตัดจำหน่ายการเช่าไตรมาสละ 13.8m bottom line สวยขึ้น ส่วนที่ยึดมาคงไม่ได้โอนกลับอะไรแต่ได้ asset มาทุนประมาณ 1200m หากขายเข้า prop fund ได้เกินกว่านี้ก็เป็นกำไรพิเศษเลย
Risk npl มีที่ยังไม่ตั้งค่าเผื่ออีกประมาณ 67 ล้าน อาจโดนตรงนี้และโดนดอกเบี้ยร้อยละ 8 จากหนี้ที่ตกลงกันประนอมหนี้ 400 ล้าน เข้ามาหักใน bottom line ส่วนความเสี่ยงอีกตัวคือที่ฟ้องร้องบ้านเอื้ออาทรที่ไม่ได้ทำอีก 2 โครงการ โดนฟ้องไป 388 ล้านและรับรู้ไปแล้ว 284 ล้าน เหลืออีก 100 ล้านที่ยังไม่ได้หัก
งปี 2556 รับอานิสงส์โดยตรงจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมากของภาครัฐ ดังนั้น บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีข้อจำกัดเรื่องกำลังคน มีแนวโน้มที่จะส่งต่องาน (Sub-Contract)ให้กับบริษัทรับเหมาขนาดกลาง-เล็ก และส่งผลบวกโดยรวมต่อภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน PLE มี Backlog ราว 8,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 1,200 ล้านบาทใน 4Q55 และคงเหลือ Backlog ราว 6,800 ล้านบาท ณ สิ้นปี 55 หรือคิดเป็น 82% ของประมาณการรายได้ปี 56 ที่ 8,250 ล้านบาท ดังนั้น จึงเชื่อว่าประมาณการรายได้ของเรามีความเสี่ยงค่อนข้างจำกัด
ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรจะดีขึ้นมากในปี 56 หลังเสร็จสิ้นการตั้งสำรองหนี้สูญของโครงการบ้านเอื้ออาทร และบริษัทย่อยในกาตาร์แล้วทั้งจำนวนในปี 55 ดังนั้น แม้ว่า 4Q55 คาดว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิเล็กน้อยราว 14 ล้านบาทจากการตั้งสำรองโครงการบ้านเอื้ออาทร และหนี้สินของบำรุงเมืองส่วนที่เหลืออีกราว 100 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว 4Q55 จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 56 คาดว่าจะ Turnaround พลิกเป็นกำไรสุทธิ 194 ล้านบาท หรือ EPS หุ้นละ 0.24 บาท
นอกจากนั้น ยังมี Upside Risk จากการจัดตั้ง Property Fund โครงการ SOHO ใน 2Q—3Q56 โดยมีอายุสัญญาเช่า 24 ปี และขนาดกองทุนราว 2.5 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มีกำไรพิเศษจากการจัดตั้ง Property Fund สูงถึง 1.0 พันล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.50 บา