แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ CISA แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ CISA แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566

CISA อนุพันธ์2 กลยุทธ์ และการประยุกต์ใช้สัญญา option

2.1กลยุทธ์การใช้ option เพื่อเก็งกำไร


เก็งกำไรฐานะเดี่ยว


เก็งทิศทางของราคา

แทงขึ้น ซื้อ Call ถ้ามองว่า E[Ct] > C0 ราคา option ขึ้น หรือ E[St] > X+C0 ราคาสินทรัพย์มากกว่า C0 บวกราคาใช้สิทธ์

แทงลง ซื้อ PUT ถ้ามองว่า E[Pt] > P0 หรือ E[St] < X-P0
เก็งกำไร  optin สถานะเดี่ยว

ซื้อ call ราคาเกิน x 55 บาทจะเริ่มได้กำไร จุดคุ้มทุนอยู่ที่ St = X+C0 = 55+5 = 60 พอราคาสินทรัพย์อ้างอิง St เลยจุดนี้ ราคาก็พุ่งไม่หยุด  ถ้าเจ้ง ราคาสินทรัพย์ต่ำกว่า x จะปล่อยหมดอายุ ขาดทุนแค่ C0 ที่ 5 บาท

ขาย call จะได้เงินมาก่อนที่ 5 บาท ราคาตลาด st ต่ำกว่า x กินเต็ม พอราคาตลาดเกิน x จะเริ่มขาดทุน ตลาดดึงเงินจากพอร์ทไปให้คนซื้อ call คนขาย call ต้องมั่นใจว่า ราคา st จะขึ้นไม่เกิน x ไม่งั้นชิบหายแน่

ซื้อ put เก็งลง ราคาต่ำกว่าราคาใช้สิทธ์ x จะได้กำไร จุดคุ้มทุนอยู่ที่ St = X - P0 = 55-5=50 ยิ่งลงเกินนี้ยิ่งรวย แต่ถ้าขึ้นเกิน x เสียแค่ P0

ขาย put เปิดสัญญาได้เงินมาก่อนที่ 5 บาท ราคาตลาด st สูงกว่า x กินเต็ม ต่ำกว่า x ตลาดจะดึงเงินในพอร์ทไปจ่ายคน ซื้อ put  


เก็งกำไรฐานะสเปรด ระหว่างราคาใช้สิทธ์ (Money spread)


เก็งกำไรจากทิศทางราคาสินทรัพย์


แทงถูกทิศทางรวย
เที่ยบกับฐานนะเดียว Spread จะมีต้นทุนต่ำกว่า กรณี Long และผลขาดทุนมีขีดจำกัด แต่ผลกำไรมีเพดานต่ำกว่าเช่นกัน

  • เสปรดขาขึ้น (bull spread)
  • เสปรดขาลง (bear spread)
bull bear spread

แทงขึ้น
bull call = ซื้อ call ต่ำกินกำไรขาขึ้น ล็อกกำไร ขาย call สูง
bull put = ขาย Put สูง ขึ้นมาได้กิน premium ล็อกขายทุน ซื้อ put ต่ำ

แทงลง
bear put = ซื้อ put สูงกินกำไรขาลง ล็อกกำไร ขาย put ต่ำ
bear call = ขาย call ต่ำ ลงมาได้กิน premium ล้อกขาดทุน ซื้อ call สูง

bull call speard


ใช้เมื่อแทงขึ้น

สำหรับแทงขึ้น ปกติก็ซื้อ Call Option แต่ต้นทุนแพง กลยุทธ์นี้ใช้แทงขึ้น ซื้อ call เหมือนกัน แต่เปิดสถานะ ขาย call เพื่อเอา premium มาลดต้นทุน แลกกับผลตอบแทนที่จำกัดตอนขาขึ้น ถ้ามองว่าจะขึ้นไม่เกินกรอบบนที่ล็อกไว้ กลยุทธ์นี้ก็น่าสนใจ 

1. Long call 1050
.
ราคาใช้สิทธ์ X1 = 1050
ราคา Call C1 = 50
ผลตอบแทน = Max(St - 1050 - 50, -50)
St <= 1050 ผลตอบแทน = -C1= -50
St > 1050 ผลตอบแทน = St-X1-C1 = St - 1050-50 = St - 1010
.
2. Short Call 1150
.
ราคาใช้สิทธ์ X2 = 1150
ราคา Call C2 = 25
.
ผลตอบแทน Min(1150-St+25, +25)
.
St <= 1050 ผลอบแทน = +C2 = +25
St > 1050 ผลตอบแทน = X2-St+25 =1150-St+25 = 1175 - St
.
3.Long Call + Short Call
.
3.1 St <= 1050
ผลตอบแทน -C1 + C2 = -50+25 =-25
.
3.2 1050<St<1150
ผลตอบแทน = (St-X1-C1) +C2 = St -1150 -50+25 = St-1175
.
3.3 St>1150
ผลตอบแทน = (St-X1-C1) +(X2-St+C2)
= X2-X1+C2-C1
= 1150 - 1050 +25 -50 = 75
.
3.3 จุดคุ้มทุน อยู่ตรงกลาง
(St-X1-C1) +C2 = 0
St = X1+C1-C2 = 1050+50-25 = 1075

bull put speard

ได้กราฟเหมือน bull call เน้นแทงขึ้นแต่สร้างด้วย put โดยการขาย PUT ไว้ข้างบน ขึ้นมากินค่า premium แล้วล็อกขาดทุนด้วยการ ซื้อ Put ไว้ข้างล่าง
ขาย put 1150 P0 50 + ซื้อ put 1050 P0 25 ฝั่งขาย put มี Strike Price สูงกว่า

1.ซื้อ Put 1050
X1 = 1050 P1 = 25
ผลตอบแทน Max(St - X1 -P1, -P1)

2.ขาย Put 1150
X2 = 1150 P2= 50
ผลตอบแทน Min(St - X2 +P2 , +P2)

3.ผลตอบแทนรวม

St< 1050
ผลตอบแทน = St - X2 +P2 + St - X1 -P1 = X1 - X2 +P2 -P1 = 1050 -1150 +50-25= -75

1050<St< 1150
ผลตอบแทน = St - X2 +P2 - P1 = St - 1150 +50-25 = St - 1125

St>1150
ผลตอบแทน = P2 - P1 = +50-25 = 25

จุดคุ้มทุน = St - 1150 +50-25 = 0
Stคุ้มทุน = 1125

Bear Call speard


เน้นแทงลง แต่ใช้  call option ด้วยการขาย Call ต่ำๆ ลงมารับกิน premium แล้วล็อกขาดทุนขาขึ้นด้วยการซื้อ call ที่ strike price สูงกว่า

ex ขาย call 1050 @50 ซื้อ call 1150 @25

ขาย call 1050
X1=1050, C1 = 50
ผลตอบแทน Min(X1-St+C1, +C1)

ซื้อ call 1150
X2=1150, C2=25
ผลตอบแทน Max(St-X2-C2, -C2)

St<1050
ผลตอบแทน = +C1-C2= 50-25=25

1050<St<1150
ผลตอบแทน = X1-St+C1 - C2 = 1050-50+25 -St = 1025-St

St>1150
ผลตอบแทน = X1-St+C1 + St-X2-C2 = X1-X2+C1-C2 = 1050-1150+50-25 = -75

Bear Put speard

เน้นแทงลง ด้วยการซื้อ put ที่ Strike Price สูงกว่า ล็อกกำไรด้านล้างด้วย ขาย pur วิธีนี้จ่าย premium น้อยลง แต่ก็จำกัดกำไรไปด้วย
ตัวอย่างๆ ซื้อ put 1150@50 กับ ขาย put 1050@25

ขาย put 1050
X1 = 1050, P1 = 25
Min(St - X1+P1, P1)

ซื้อ put 1150
X2 = 1150, P2 = 50
Max(X2-St-P2, -P2)

St<1050
ผลตอบแทน  = X2-St-P2 + St - X1+P1 = X2 - X1+P2-P1 = 1150-1050-50+25 = 75

1050>St>1150
ผลตอบแทน  = X2-St-P2 + P1 = 1150-50+25 - St = 1125 - St

St>1150 = -P2 + P1 = -50+25 = -25



เก็งกำไรจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิง


แทงว่าความผันผวนมากขึ้นหรือลดลง แทงถูกก็รวย
  • สเปรดแบบผีเสื้อ (butterflr spread)
  • กลับด้านสเปรดแบบผีเสื้อ (reverse butterfly spread)
อื่นๆ
  • box สเปรด

สเปรดแบบผีเสื้อ (butterflr spread)

butterfly = sideway ได้เงิน มีเทรนด์ เสีย premium
reverse butterfly = sideway เสียpremium มีเทรนด์ ได้ตังค์

เสปรด แบบผีเสื้อ




Call butterfly spread = (ซื้อ call 1050 + ขาย call 1100) +(ขาย call 1100 + ซื้อ call 1150)
= bull call spred + bear call spread 

put butterfly spread = (ขาย put 1050 + ซื้อ put 1100) + (ซื้อ put 1100+ขาย put 1150) 
= bull put spread + bear put spread 

Reverse call butterfly spread =  ขาย call 1050 + ซื้อ call 1100 + ซื้อ call 1100 ขาย call 1150 
= bear call spread + bull call spread

Reverse put butterfly spread = ขาย put 1050 + ซื้อ put 1100 + ซื้อ put 1100 + ขาย put 1150
= bear put spread + bull put spread
 

ฐานะผสม

มีเทรนด์แล้วได้เงิน

มีเทรนดแล้วได้เงิน ราคา ไม่บาลานซ์





2.2 แนวคิดการใช้ option เพื่อประกันความเสี่ยง

ความเสี่ยงรายรับ กลัวอนาคตขายไม่ได้ราคา ขาย future ซื้อ put option
ความเสี่ยงรายจ่าย กลัอนาคตไม่ได้ซื้อราคาที่อย่ากได้ ซื้อ future ซื้อ call option


2.3 การประกันความเสี่ยงจากราคาตราสารทุน


protective put มีหุ้นแต่กลัวหุ้นตก เลยซื้อ put option 
= ซื้อหุ้น + ซื้อ put option

protective call short หุ้นไว้ แต่กลัวหุ้นขึ้น เลยซื้อ call option 
= short หุ้น +ซื้อ call option

covered call มีหุ้น แต่คิดว่าไม่ขึ้นเลย ขาย call กะกิน premium
= ซื้อหุ้น + ขาย call

covered put short มีหุ้น แต่คิดว่าลงไม่เยอะ เลย ขาย put กะกิน premium เพิ่ม
= short หุน + ขาย put

collar ขายสินทรัพย์ กะขายที่ X2 ต่ำสุดที่ X1
= ซื้อ put x1 ขาย call x2 
ลงต่ำกว่า x1 put กำไร ไปล้างขาลงหุ้น
ขึ้นสูงกว่า x2 ขาดทุน ขาย call ไปล้างลำกำไรหุ้น
ค่า premium ขาย call จะไปหักล้างกับ ซื้อ put

callar ซื้อสินทรัพย์ ซื้อต่ำสุดที่ x1 สูงสุด x2
=ซื้อ call x2 ขาย put x1
ราคาเกิน x2 ได้กำไร
x1-x2 premium หักล้างกัน
ราคาต่ำกว่า x1 ขาดทุน put  พอรวมกับซื้อหุ้นที่ราคาตลาดจะได้ซื้อที่ x1 พอดี
ปัญหาคือจะล็อกขอบล่างไว้ทำไม 555



2.4 การประกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย

คำศัพย์เพิ่มเติม call = cap, put = floor

protective put มีตราสารหนี้อยากล็อกดอกเบี้ยรับ
= ตราสารหนี้ + ซื้อ put บนดอกเบี้ย (foor)

protective call จ่ายดอกอยู่แต่กลัวดอกเบี้ยขึ้น
= ขายตราสารหนี้(ผู้กู้) + ซื้อ call บนดอกเบี้ย (Cap)

collar ดอกจ่าย อยากกำหนดช่วงดอกจ่ายไม่เกิน x1-x2
= ซื้อ cap x2 + ขาย floor x1

ดอกเกิน x2 ได้กำไรจาก cap ไปชดเชยดอกที่เพิ่ม
x1-x2 ค่าpremium หักล้างกัน
ต่ำกว่า x1 ขาดทุนจาก floor ไปชดเชยดอกที่จ่ายน้อยก่ว่า รวมแล้วจาก x1 เหมือนเดิม

callar ดอกรับ อยากรับดอกในช่วง x1-x2
= ซื้อ floor x1 ขาย cap x2

ดอกเกิน x2 ขาดทุน cap ไปชดเชยกับ ดอกตราสารหนี้ที่เพิ่ม (ทำไปทำไมวะ)
x1-x2 ค่า premium หักล้างกัน
ดอกต่ำกว่า x1 กำไรจาก floor ไปชดเชยดอกรับที่ลดลง

jjj

=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

CISA อนุพันธ์1 กลยุทธ์และการประยุกต์ใช้ตราสาร future

future คือการสัญญาซื้อ-ขาย ล่วงหน้า ล็อกราคาไว้ตั้งแต่วันนี้ ค่อยส่งมอบกันในอนาคต ใช้ทำอะไรได้เยอะมาก

1.1 กลยุทธ์การลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ส


  • เก็งกำไร เปิดฐานะในสัญญา เพื่อเก็งกำไรจาการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต และต้องแบกรับความเสี่ยงด้านราคา เช่นเก็งว่า stark จะล้มละลาย ก็ไป short หุ้น และ short future ล้มจริงก็รวย
  • ประกันความเสี่ยง เปิดฟิวเจอร์ให้ไปหักล้างกับสถานะในสินค้าอ้างอิง ถือหุ้น ptt แล้วเก็งว่าหุ้นตก ก็ไป short set50 
  • arbitrage อาศัยความไม่สมดุลกันระหว่าง ราคา spot และ furure มีข้าวอยู่ ราคา future แพงกว่า spot

1.2 การใช้ future เพื่อเก็งกำไร


ฐานะเดี่ยว 


เปิดฐานะในสัญญา 1 ซีรีย์เพื่อเก็งกำไรจากทิศทางราคา
แทงขึ้นเปิด long future หาก E[Ft] หรือ E[St] > F0
แทงลง เปิด shotr future หาก E[Ft] หรือ E[St] < F0 

ฐานะสเปรด 


เปิดฐานะที่มีความสัมพันธ์กัน 2 ซีรีย์ขึ้นไป เพื่อเก็งกำไร

calendar spread

ซื้อตัวเดียวกันคนละเวลา

วันแรก ราคาสัญญา S50MX0 และ S50ZX0 มีค่า 1050 และ 1045 
ต่อมา ราคาสัญญา S50MX0 และ S50ZX0 มีค่า 980 และ 985
calendar spread เปลี่ยนแปลงเท่าไร

spread เอาไกลลบไกล้

วันแรก F* - F = 1045 - 1050 = -5
วันต่อมา F* - F = 985 - 980 = 5
กว่างขึ้น 5- (- 5) = 10 จุด 

inter commodity spread

ซื้อคนละตัว

รายตัว aUX0 และ BUXO ราคา 40 ,60
มองว่า อีก 6 เดือน A จะวิ่งแรงกว่า B
ถ้าซื้อ aUX0 จะลงทุน BUXO อย่างไร

สเปรด Fa - Fb = 40-60 
ถ้า a แรงกว่า สเปรดจะกว้างขึ้น ตอนขึ้น a ขึ้นแรงกว่า ตอนลง ลงน้อยกว่า

ต้องซื้อ 2 ตัวในมูลค่าเท่ากัน

a 30 สัญญา ราคา 40 บาท มูลค่า 30*1000*40 = 1,200,000 
เปิด short อีกฝั่งมูลค่าเท่ากัน 
1,200,000 = x * 1,000 *60 
x = 1,200,000/(1,000 *60 ) = 20 สัญญา

1.3 หลักการใช้ future เพื่อประกันความเสี่ยง


มีสินทรัพย์อ้างอิงแต่ก็กลัวอนาคต

ความเสี่ยงด้านราคา

ความเสี่ยงด้านรายรับ อนาคตรายรับลดลง ขาย future ล็อกราคาขายไว้เลยได้เท่านี้ชัวร์
ความเสี่ยงด้านรายจ่าย อนาคตรายจ่ายเพิ่ม ซื้อ future ล็อกราคาซื้อ อนาคตได้จ่ายเท่านี้ชัวร์

เวลาทำต้องมอง

  • ประเภทสินทรัพย์อ้างอิง 
  • วันส่งมอบ 
  • จำนวนและด้านของสัญญา
กรณีสินทรัพย์อ้างอิงและวันส่งมอบตรงตามความต้องการ
จำนวนสัญญาคำนวณโดย



\[ N_{F} = \frac{Q_{S}}{Q_{F}}, or , N_{F} = \frac{V_{S}}{V_{F}}=\frac{S_{0}Q_{S}}{F_{0}Q_{F}} \]

F ราคาปัจจุบันของ ฟิวเจอร์
Q ตัวคูณ
Nจำนวน

F x Q คือมูลค่าที่ตราไว้ของสัญญาฟิวเจอร์ 1 สัญญา

หลักคือหาจำนวนสัญญาที่ทำให้กำไรของ future 1 ช่องไปชดเชย กำไรขาดทุน 1 ช่องของสินทรัพย์อ้างอิงพอดี

ex มีพอร์ท 200 ล้าน ปิดความเสี่ยง 40% future ราคา 1050 จุดต้องshort กี่สัญญา ถ้ากำไรจุดละ 200

40% ของ 200 ล้าน = 80 ล้าน

80 ล้าน = จำนวนสัญญา x 1050 * 200
จำนวนสัญญา = 80 ล้าน / (1050 * 200) = 380.95 หรือ 381 
จำนวนสัญญาก็ไม่เป๊ะต้องปัดเอา

กรณีวันส่งมอบไม่ตรงตามความต้องการ จะเลือกสัญญาท่มีวันส่งมอบหลังวันที่ต้องการปิดความเสี่ยง แต่หากกังวลเรื่องสภาพคล่องของสัญญา อาจเลือกใช้สัญญาที่มีวันส่งมอบใกล้แล้ว roll over สัญญาในอนาคต

ex หา future ที่วันตรงไม่ได้จะมีความเสี่ยง basis risk
มีสินทรัพย์อ้างอิง + ขายล่วงหน้าไปก่อน กำไรขาดทุนเท่ากับ ราคาขายสินทรัพย์บวกกำไรขาดุนจากฟิวเจอร์ St + (F0 - F1) เอา f0 อยู่หน้าเพราะลงแล้ได้กำไร
จัดรูปใหม่ = F0 - (Ft - St) = F0 - basis t


กรณะสินทรัพย์อ้างอิงไม่ตรงตามความต้องการ ให้เลือกสัญญาฟิวเจอร์ที่ราคาสินทรัพย์อ้างอิงของสัญญามีค่าสหสัมพันธ์กับราคาของสินทรัพย์ที่ต้องการปิดความเสี่ยงที่สุด

กรณีสินทรัพย์อ้างอิงและวันส่งมอบไม่ตรงความต้องการ ต้องปรับการคำนวณ Nf มีสองแบบขึ้นกับประเภทความเสี่ยงที่ต้องการปิด ความเสี่ยงรวม ความเสี่ยงที่เป็นระบบ

1.4 กลยุทธ์การใช้สัญญาฟิวเจอร์เพื่อประกันความเสี่ยง


  • ตราสารทุน
    • หุ้นรายตัว
    • กลุ่มหลักทรัพย์
      • ปรับ sysyematic risk
      • ลด total risk
    • การสังเคราะห์หลักทรัพย์
  • อัตราดอกเบี้ย
    • ดอกเบี้ยรับหรือจ่ายรายงวด
    • ปรับ duration ของกลุ่มการลงทุนในตราสารหนี้
  • อัตราแลกเปลี่ยน

ตราสารทุน


กลุ่มหลักทรัพย์


ลด total risk


\[ N_{F}=\frac{Q_{S}}{Q_{F}} \quad \textrm{or} \quad N_{F}=\frac{V_{S}}{V_{F}}=\frac{S_{0}Q_{S}}{F_{0}Q_{F}} \]

สินทรัพย์อ้างอิงของสัญญา ไม่ตรงตามความต้องการ
\[ N_{F}=\frac{V_{S}}{F_{0}Q_{F}} \times b \]

ค่า b มาจากการทำ regression ของ future กับ สินทรัพย์อ้างอิง

R(S,t) = a + b R(F,t) 

สินทรัพย์อ้างอิง ตรงหรือไม่ตรงตามความต้องการ

ปรับ sysyematic risk


ความเสี่ยงมีความเสี่ยงที่เป็นระบบ และความเสี่ยงไม่เป็นระบบ ที่เป็นความเสี่ยงเฉพาะตัวหุ้นนั้นๆ
เราสามารถหาจำนวนสัญญาที่จะshort แล้วทำให้ค่าเบต้าของกลุ่มการลงทุนหลังประกันความเสี่ยงแล้ว มีค่าเท่ากับ 0 

\[ \beta _{T}=\frac{V_{S}}{V_{S}}\beta _{S} + \frac{F _{0}Q _{F}N _{F}}{V _{S}}\beta _{F} \]
ย้ายข้างหา N
\[ N_{F}= - \frac{V_{S}}{F_{0}Q_{F}} \times \frac{\beta _{S}}{\beta _{F}} \]

ถ้าจะปล่อยความเสี่ยงที่เป็นระบบไว้หน่อย

\[ N_{F}=\frac{V_{S}}{F_{0}Q_{F}} \times \frac{(\beta _{T} -\beta _{S})}{\beta _{F}} \]

Synthetic Securities

สร้างตราสารเองก็ได้

มูลค่าของ future ก็ควรเท่ากับ เอาเงินที่จะซื้อวันนี้ ไปลงทุนตราสารหนี้ riskfree ในช่วงเวลานั้นๆ

VF = Nf *F0*Qf = Vs (1+r)^T

แก้สมการหา Nf ตามสะดวก 

Long riskfree bond = long underlying stock + short future
ซื้อหุ้น ขาย ฟิวเจอร์ ก็เหมือนล็อกราคาไว้แล้วรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้

long underying stock = long riskfree bond + long future =long riskfree bond - Short future
lone future = short riskfree bond + long underlying stock


ex การเพิ่ม beta ด้วย future

พอรท 600 ล้าน beta เที่ยบ set=1
อยากให้ beta เป็น 1.2 ด้วย s50future
ราคา 1,000 beta 0.95 ควรให้กี่สัญญา

ต้องซื้อ (600,000,000 / (1,000*200)) * ((1.2-1)/0.95) = 631.5 หรือ 632


ex ลดความเสี่ยงของพอร์ท

พอร์ท 600 ล้าน future ราคา 1000 จุด beta future กับพอร์ท 0.8 (r port = 0.02 + 0.8 r Future + error )

ขาย (600,000,000/(1,000*200)) 0.8 = 2400 สัญญา


ex สังเคราะห์กลุ่มการลงทุนใน set50 

200 ล้าน 6 เดือน
ปันผล 3% ราคา future 1,000 rf 5% 

Long stock = long riskfree + long future ( ราคา future คือมูลค่าปัจจุบันโดยตัว discount คือ riskfree ถ้าซื้อคู่ก็เหมือนซื้อหุ้นนั่นเอง)

เอา 200 ล้านไปซื้อพันธบัตร 6 เดือนได้เงิน 200,000,000*(1+0.025) = 205,000,000
ซื้อ future ต้องจ่ายเงิน Nf*1000*200 = 200,000*Nf

จำนวนสัญญา
205,000,000 = 200,000*Nf
Nf = 205,000,000/200,000 = 1,025 สัญญา

จำนวนหน่วยของหุ้นที่สังเคราะห์ได้ เท่ากับ (1,025*200)/(1+0.05) = 201,970 หน่วย

ถ้าซื้อแล้วเอาเงินปันผลไปลงทุนต่อ สิ้นเดือนที่ 6 จะมีหุ้น 205,000 หน่วย
ที่สิ้นเดือนที่ 6 มูลค่าของฐานะทีี่สังเคราะห์คือ 205,000,000 + (St-1,000)*200*1,025 = 205,000St



อัตราดอกเบี้ย


การปรัการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยด้วย FRA



ความเสี่ยง = การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หรือการลดลงของราคาตราสารหนี้ในอนาคต

ซื้อ FRA ขาย T bill Future หรือขาย Goverment Bond Future
รับคงที่ T bill Future  จ่าย FRA + จ่าย T bill Future = จ่าย FRA ดอกขึ้นก็จ่ายเท่าเดิม


ความเสี่ยง การลดลงของอัตราดอกเบี้ย หรือการเพ่มขึ้นของราคาตราสารหนี้ในอนาคต

ขาย FRA ซื้อ T bill Future หรือ ซื้อ Goverment Bond Future
รับคงที่ที่ FRA  - จ่าย T bill Future + รับดอก T bill Future = รับ FRA ดอกลงก็รับเท่าเดิม


การปรับค่า Modified Duration MD ของกลุ่มการลงทุนในตราสารหนี้


การกำหนดจำนวนสัญญา Future

\[N_{F}=\frac{V_{B}}{F_{0}Q_{F}}\frac{MD_{T}-MD_{B}}{MD_{F}}\beta_{Y_{B}}\]


beta yb สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่า Yb และ Tf คำนวณโดย regression R Yb = a + b Yf + error 

ex รับเงิน 6 เดือน แล้วฝากต่ออีก 3 เดือน

ลูกค้าคืนเงินกู้ 500 ล้านในอีก 6 เดือน วางแผนว่ารับแล้วจะฝากต่อ 3 เดือน
ได้ดอกเบี้ยเท่ากับ 3 Month BIBOR 
อยากได้ดอกเบี้ยเงินฝากอนาคตตั้งแต่วันนี้

ให้ 6x9 FRA ที่ 5% ต่อปี

ต้องการำหนดดอกเบี้ยเงินฝากอายุ 3 เดือน ล่วงหน้า 6 เดือน
จึงขาย 6x9 FRA ที่ 5% ต่อปี (สูตรป้องกันความเสี่ยงดอกเบี้ยลง)
เพื่อรับดอกเบี้ยคงที่ และจ่ายดอกเบี้ย 3 Month BIBOR ในอนาคต

กำไรขาดทุน = Rt + (5.0%  - Rt) = 5% 


ex ดอกขึ้น อยากลด Duration

กองมูลค่า 500 ล้าน MDb 5 อยากลดเหลือ 4 
future มีราคา 105.65 จุด implied yield Yf 3.2% ต่อปี MDf 4.5 ปี
Yield กลุ่มการลงทุน Yb มีค่าความผันผวน 0.8 เทียบ Yf หรือ yield beta = 0.8

ต้องเปิดขาย future เท่ากับ

(500,000,000 / (1.0565*1,000,000)) *((4 - 5)/4.5) * 0.8 = -84.14 หรือ 84 สัญญา

ถ้าใส่ future ไปด้วย พอร์ท MD จะลดลงน้อยกว่าเดิม

ถ้าอนาคต Yb เพิ่ม 25 bps กลุ่มการลงทุนจะมีมูลค่าลดลง 5x25 = 125 bps เหลือ 500,000,000*(1-0.0125) = 493.75 ล้านบาท

future จะเพิ่ม 25/0.8 = 31.25 bps 
ราคา future ลดลง 4.5*31.25*1.0565 = 148.57 bps
ขาย future จะได้กำไร 0.014857 * 1,000,000 *84 = 1.248

ล้างกันจะเป็น 493.75 + 1248 = 495

เงินขายไป 5 ล้านเท่ากับพอร์ทมี ดุเรชั่น 4 พอดีเป๊ะ

ลดลง 4*25 = 100 bps = 5 ล้านบาท

อัตราแลกเปลี่ยน





=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566

cisa ตราสารหนี้ 3 การวิเคราะห์ตราสารหนี้จากการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ securitization

การเปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ Securitization


Securitization คือรูปแบบการออกตราสารหนี้ประเภทหนี้ที่นำกระแสเินสดในอนาคตของสินทรัพย์กลุ่มหนึ่งมาแปลงเป็นหลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย พร้อมกับมีวิธิการป้องการความเสี่ยงด้าน credit risk ให้แก่ผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อส่งเสริมอันดับความน่าเชื่อถือ

ลักษณะสำคัญของ Securitization คือ การแบ่งแยกความเสี่ยง segregation of risk โดยความเสี่ยงของหลักทรัพย์ที่ออกให้นักลงทุนจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดในอนาคตของสินทรัพย์กลุ่มนั้ อันไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของสินทรัพัย์เดิมแต่อย่างใด

เจ้าของทรัพย์สินเดิมจะขายสินทรัพย์ให้แก spacial purpose vehicle spv และ spv จะเป็นผู้จัดการ และบริหารการนำสินทรัพย์จากเจ้าของเดิมมาเป็นหลักประกันการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ระดมทุน

ความเสี่ยงของเจ้าของสินทรัพย์เดิมจากการดำเนินงานล้มละลาย จะไม่กระทบหรือถูกนำสินทรัพย์นั้นกลับมาขายทอดตลาดเพื่อเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายให้แก spv ไปแล้ว หรือเรียกว่า bankruptcy remote อันเป็นการจัดโครงสร้างเพื่อคุ้มคลองความเสี่ยงให้แก่นักลงทุนที่ทำการลงทุนในสินทรัพย์ที่แปลงโครงสร้างในรูปแบบ Securitization

ความแตกต่างระห่ว่างหุ้นกู้ทั่วไปและการทำ Securitization



ปัจจัยที่พิจารณา หุ้นกู้ทั่วไป การทำSecuritization
ที่มาของกระแสรายได้ การดำเนินงานของผู้ออกหุ้นกู้ pools of Securitized asset
สิทธิเรียกร้อง claim ชั้นของสินทรััพย์ เฉพาะผู้ลงทุนในSecuritized asset 
ความเสี่ยง     การดำเนินงานของผู้ออก กระแสรายได้จาก Securitized asset
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ การดำเนินงานของผู้ออก pools of Securitized asset
กระบวนการจัดทำ ระยะสั้นๆ ไม่ซับซ้อน ใช้เวลานานและซับซ้อน
กรอบของกฎหมาย สินทรัพย์ที่นำมาคั้ำประกันการออกหุ้นกู้ยังอยู่ที่เจ้าของสินทรัพย์ที่เป็นผู้ออก Securitized asset จะถูกกรอบของกฑหมายแยกความเป็นเจ้าของจากเจ้าของสินทรัพย์มาอยู่ที่ spv

Bankruptcy remote


คือ ความห่างไกลจากการล้มละลายของบริษัทที่เป็นลูกหนี้เดิม การณีหากเกิดการล้มละลายของบริษัทที่เป็นลูกหนี้เดิมที่เป็นผู้สร้างสินทรัพย์ จะไม่มีผลใดๆ ในการกฎหมายต่อสินทรัพย์ที่ spv ซื้อมา หรือไม่มีการเฉลี่ยสินทรัพย์นั้น กับเจ้าหนี้อื่น นอกเหนือจากเจ้าหนี้ที่เป็นผู้ลงทุนในตราสารSecuritized bond เท่านั้น

การบวนการทำ Securitization


กลุ่มธุรกิจที่สามารถทำ Securitization ควรเป็นธุรกิจที่สร้างการแสเงินสดในอนาคตที่ชัดเจน และสามารถคาดคะเนได้
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ จะวิเคราะห์ความมั่นคงของกระแสรายได้ที่มารวมกลุ่มกัน ทดสอบจาก stress test
คนเกี่ยวข้องได้แก่

นิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง บทบาท
originator ขายทรัพย์ให้ spv
spv ติดต่อ trustee เพื่อดูแลกอง
หาอันดับความน่าเชื่อถือเพื่อประเมินความเสี่ยง
จ้าง underwriter เพื่อจำหน่ายตราสารให้นักลงทุน
servicer ให้บริการจัดเก็บและเรียกชำระเงิน โดยคิด service fee

สินทรัพย์ที่สามารถนำมาแปลงเป็นหลักทรัพย์


สินทรัพย์ที่สามารถมาแปลงเป็นหลักทรัพย์ได้แก่

  • ลูกหน้เงินกู้ที่อยู่อาศัย
  • ลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์
  • ลูกหนี้บัตรเครดิต
  • ลูกหนี้บิลเรียกเก็บเงินค่าสาธารณูปโภค
  • ลูกหนี้อื่นๆท่ีสามารถประเมินกระแสเงินสดได้ในอนาาคต

securitized bonds มีความน่าสนใจลงทุนเนื่องจาก

  • สามารถจัด investmentprofile ที่ต้องการได้ หากมี asset tranche ที่หลากหลาย สามารถให้ผลตอบแทนที่หลายหลายเช่นกัน
  • อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ขณะที่ความผันผวนต่ำกว่าหุ้นกู้ทั่วไป
  • มีความมั่นคงของ credit rating มากกว่าหุ้นกู้
  • credit risk ของ securitized bond แยกต่างหากจาก credit risk ของ organizer
  • ประโยชน์ด้าน diversification เพราะมี correlation ต่างจากตราสารหนี้ประเภทอื่น
คุณลักษณะของสินทรัพย์ที่นำมาทำ Securitization ได้
  • มีรูปแบบการชำระเงินที่ชัดเจนและสามารถประมาณการกระแสเงินสดได้
  • มีกระแสรายได้ที่สามมารถคาดการล่วงหน้าได้ เช่นการชำระหนี้คืนก่อนกำหนด
  • มีลักษณะพื้นฐานของสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกัน เช่นระยะเวลาการชำระหนี้ หรืออายุไถ่ถอนควรใกล้เคียงหรือเหมือนกัน


ผู้เกี่ยวข้อง บทบาทและความสำคัญ
ลูกหนี้เงินกู้ borrower ชำระ ต้นและดอก
เจ้าของสินทรัพย์ originator/ seller
  • เจ้าของทรัพย์ขายให้ SPV
  • ควรมีลูกหนี้มากพอ
นิติบุคคลเฉพาะกิจ SPV รับซื้อทรัพย์มารวมกันเป็นกองสินทรัพย์ pool แล้วออกตราสาร
ผู้ให้บริการเรียกเก็บหนี้ servicer และตัวแทนสำรองเรียกเก็บหนี้ back up servicer เรียกเก็บ ต้นและดอก เพื่อนำมาให้ผู้ลงทุน
ที่ปรึกษาด้านต้างเช่นการเงิน กฎหมาย advisors ให้คำแนะนำ
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ จัดอันดับก่อนขาย
  • ความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร probabilly of default
  • ลักษณะและข้อกำหนดของหนี้ covenants
  • ความสัมพันธ์ของหนี้หากมีการล้มละลาย
ผู้แทนถือหุ้นกู้ bondholder's representative ดูแลประโยชน์ทั่วไปให้แก่นักลงทุน
ดูแลไม่ให้ผู้ออกหุ้นกู้กระทำการใดๆ อนเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน
เรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ กรณีผิดนัดชำระหนี้
ผู้รับประกันการจัดกำหน่าย under writer จัดจำหน่ายตราสารให้นักลงทุน
ทรัสตี trustee หรือผดู้ดูแลทรัพย์ รับฝากทรัพย์ที่แปลงสภาพแล้ว


ประเภทของตราสารที่สำคัญจากการทำ securitization


mortgage backed securitization MBS

  • Mortgage Pass Through MPT
  • Collateralized mortgage obligation CMO
  • Covered bond

Asset  backed securitization ABS

  • เงินกู้ต่อเติมบ้าน
  • ลูกหนี้บัตรเครดิต
  • เงินกู้ซื้อรถยนต์
  • เงินกู้เพื่อการศึกษา
  • เงินกู้เช่าซื้อเครื่องมือเครื่องใช้
  • เงินกู้เพื่อซื้อรถซื้อบ้าน
  • เงินกู้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

mortgage backed securitization MBS



MBS สินทรัพย์นำมาแปลงคือ กลุ่มของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มาจากการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ 
  • Mortgage Pass Through MPT
    • นำสินเชื่อบ้านมามัดรวม และนำเงินผ่านมาจ่ายคืนนักลงทุนโดยตรง
    • วัตถุประสงค์คือรวมให้ได้ขนาด
    • ปีแรก มาจากดอกเบี้ย ปีต่อไปมาจากเงินต้น (ลดต้นลดดอก)
    • มี prepayment risk กระแสเงินสดไม่มาตามนัด เช่นดอกลงคนคืนหนี้ก่อนกำหนด 
  • Collateralized mortgage obligation CMO
    • นำเงินกู้ที่อยู่อาศัย หรือ MPT มาจัดกลุ่มเป็นหลาย class หรือ tranche อีกที
    • แต่ละ tranche มี prepayment risk ต่างกัน
    • ถ้าต้องการผลตอบแทนสูงก็ไปลงใน tranche ที่ มี credit risk และ prepayment risk สูงวัดดวงเอา  
  • Covered bond
    • เอาลูกหนี้ชั้นดีมาทำ
    • สามารถเอาหนี้สาธารณะ public sector debt มาทำได้ด้วย
    • ส่วนใหญ่  AA AAA
ลักษณะกระแสเงินสดของ cmo

กระแสเงินสดของตราสาร cmo

ชำระคืนแบบเป็นลำดับ sequantial retirement ตั้งแต่อายุสั้นไปหายาว
ถ้าเงินเหลือ เช่นมาจาก prepayment ของลูกหนี้ จะไปจ่าย tranche แรกก่อนที่รับ prepayment ได้สูงสุด

Asset backed securities ABS


securitization แยกเป็น 2 ส่วนหลัก
Mortgage backed securities ใช้สินเชื่อบ้านมาทำ
Non Mortgage backed securities ไม่ใช้ 

Asset backed securities ABS เป็น Non Mortgage backed securities ที่มีสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือต่ำแต่มีกระแสเงินสดสม่ำเสมอมาทำ เช่น
  • เงินกู้ต่อเติมบ้าน Home Equity Loans
    • การกู้แบบนี้ใช้มูลค่าสินทรัพย์เมื่อเทียบกับมูลค่าคงค้างของผู้กู้
    • จำนวนที่กู้ได้ = ราคาประเมินบ้านและที่ดิน - ยอดคงค้าง
  • ลูกหนี้บัตรเครดิต Credit Card Receivables
    • จ่ายเป็นงวดๆ
    • ไม่มีความเสี่ยงด้าน prepayment risk
  • เงินกู้ซื้อรถยนต์ Automobile Loans
    • ให้กู้โดยมอง จำนวนเงินกู้ต่อมูลค่าสินทรัพย์ ประวัติการชำระเงิน
  • เงินกู้เพื่อการศึกษา Student Loans
    • ทยอยจ่ายหนี้หลังจบ แต่ดอกเดินตั้งแต่วันกู้เงิน
  • เงินกู้เช่าซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ Equipment Leases
    • จ่ายดี
  • เงินกู้เพื่อซื้อรถบ้าน Manufacturing Housing
    • ไม่นิยม
    • มักอยู่กลุ่ม sub prime
  • เงินกู้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

คุณภาพของสินทรัพย์ที่มาทำ securitization ขึ้นอยู่กับ


สินเชื่อที่อยู่อาศัย
  • มูลหนี้ต่อหลักประกัน
  • มูลค่าตลาดของหลักประกันเมื่อบังคับขาย
  • ลักษณะเชิงคุณภาพ เช่น การกระจุกตัว วัตถุประสงค์ผู้กู้ ภาระหนี้ จำนวนปีที่ผ่อน ประวัติการผิดนัด
สินเชื่ออื่น
  • ประวัติการผิดนัด
  • อัตราความสูญเสียที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้

การลดความเสี่ยงด้านเครดิต ด้วยการเพิ่มความน่าเชื่อถือ


ภายนอก
  • ใช้ letter of credit จากธนาคารที่มีอันดับเครดิตสูง
  • วงเงินกู้ยืม
  • ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยโดยสถาบันการเงินที่มีอันดับเครดิตสูง
  • ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยโดยบริษัทแม่ที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า

ภายใน
  • ตั้งบัญชีเงินสำรองล่วงหน้า
  • การทำ over collaterization สินทรัพย์ค้ำมูลค่าสูงกว่าตราสาร
  • ขายสินทรัพย์ให้ spv ต่ำกว่ามูลหนี้ ให้ spv มีทรัพยสินมากกว่าจำนวนเงินที่ชำระเป็นค่าซื้อ
  • ออกหลักทรัพย์ขายเป็น class

การประเมินมูลค่า


ใช้มูลค่าปัจจุบันเหมือนตราสารหนี้ปกติ อัตราคิดลดคือ ผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุด yield to maturity ytm

อัตราคิดลดประกอบด้ว ผลตอบแทนแบบไร้ความเสี่ยง และส่วนชดเชยความเสี่ยง

มีความเสี่ยงสูงเพราะกระแสเงินสดขึ้นกับหลายปัจจัย เช่นภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ ลูกหน้เฉพาะตัว

แบบจำลองที่ใช้ประเมินมูลค่า


static prepaymentmodel


ประมาณความเร็วของการชำระหนี้ก่อนกำหนด prepayment speed โดยไม่ได้รวมผลกระทบของอัตรา refinance rate
มักพัฒนาจากสถิติในอดีต
CPR model จำลองที่สมมติให้การชำรระหนี้มีอัตราคงที่
PSA model กำหนดโดย public securities association สะท้อนการชำระหนี้ก่อนกำหนดที่เกิดจากฤูดการ และอายุ

dynamic 

ใช้ปัจจัยมหภาค
ชำระหนี้ก่อนเป็นสิทธ์ option

ความสัมพันธ์ระหว่าง securitized bond และอัตราดอกเบี้ย


ดอกเบี้ยสูง MBS มี price yield relation เหมือนราคาสารหนี้ปกติที่เป็น non callable bond (straight bond) กล่าวคือเป็น positive convexity
ดอกเบี้ยขาลง มีโอกาสผู้กู้ชำระหนี้คืนก่อนกำหนด เหมือนกับ callable bond เป็น negative convexity
เมื่อเทียบกับตราสารที่เป็น non callable bond แล้ว ราคาของ securitzed bond จะเพิ่มน้อยกว่าในขาที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงจากความสัมพันธ์

price of callable bond = price of option free bond - price of embedded call option

สรุปคือ เอาลูกหนี้มาทำตราสาร จ่ายตรงก็ดีไป จ่ายไม่ไหวก็เป็นแบบที่ อเมริกาตอน 2008 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจกันลยทีเดียว
=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

CISA ตราสารหนี้ 2 การวิเคราะห์ตราสารหนี้ที่มีความซับซ้อนอันเกิดจากการมีอนุพันธ์แฝง

1. ความแตกต่างระหว่าง Simple Embedded Options และ Complex Embedded Options


Simple embedded option

  • ตราสารหนี้ที่ให้สิทธ์บริษัทผู้ออกตราสารในการไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนด Callable bonds
  • ตราสารหนี้ที่ให้สิทธ์แก่ผู้ซื้อในการไถ่ถอนก่อนครบกำหนดได้ putable bonds

complex embedded option

  • ตราสารหนี้ที่ให้สิทธ์ทายาทของผู้ถือขายคืนให้แก่ผู้ออก estate put
  • ตราสารหนี้ที่มีการไถ่ถอนคืนเป็นบางส่วน sinking fund bonds ซึ่งผู้ออกตราสาร issuer จะทำการ สำรองเงินไว้จำนวนหนึ่ง dedicated fund เพื่อนำไปชำระคืนเงินต้นในวันที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามสัดส่วนที่ระบุไว้

2. แนวคิดของ Callable Bond และ Puttable Bond


Callable Bond

  • Callable bonds คือ หุ้นกู้ที่ให้สิทธ์บริษัทผู้ออกตราสาร ในการไถ่ถอนก่อนกำหนด ปริมาณการออก callable bonds มีความสัมพันธ์กับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาด โดยการออก callable bonds เพิ่มขึ้นช่วงอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวลดลง 
  • การลงทุนใน callable bonds มีความเสี่ยงกว่าหุ้นกู้ปกติ เราะมีโอกาสถูกเรียกไถ่ถอนก่อนกำหนด call risk ทำให้นักลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม reimvestment risk ดังนั้น callable bond จะมีอั ตราดอกเบี้ยสูงกว่า
  • จากมุมมองผู้ลงทุนในตราสารหนี้ value of callable bond ช value of option free bonds - value of embedded call option

Puttable Bond


puttable bond คือหุ้นกู้ที่ผู้ถือมีสิทธ์ไถ่ถอนก่อนกำหนด เนื่องจากเป็นตราสารที่มาพร้อม put option ซึ่งให้สิทธ์แก่ผู้ถือในการขอไถ่ถอนตราสารหนี้ได้บางส่วนหรือทั้งหมดก่อนครบกำหนดอายุ ซึ่งผู้ออกต้องรับไถ่ถอนตามมูลค่าหน้าตั๋วรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ

แม้ดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น ราคาของ puttable bond ไม่มีทางต่ำกว่าราคาไถ่ถอน put price ซึ่งปกติกำหนดที่ราคาพาร์ นอกจากนั้นยามดอกเบี้ยขยับขึ้น ก็สามารถใช้สิทธ์ไถ่ถอนก่อนกำหนดกับบริษัทผู้ออกตราสาร และนำไปลงทุนตราสารที่ดอกสูงขึ้น

การได้สิทธ์ put option ต้องแลกมากับอัตราคูปองที่ต่ำกว่าตาสารหนี้ที่เหมือนกันแต่ไม่มี put option
มุมมองผู้ลงทุน value of putable = value of option free bond + value of embedded put option

3. Binomial Interest Rate Tree vs Monte Carlo Simulation 


Binomial Interest Rate Tree การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในแต่ละช่วงเวลาขึ้นอยู่กับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย โดยรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในหนึ่งงวดเวลาข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงได้ 2 ทาง คือเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ที่ 50 50 

อย่างไรก็ตาม แนวคิดของ binomial interest rate tree ทำได้ยากในทางปฎิบัติส่วนใหญ่ใช้ monte carlo simmulation

การจำลองทิศทางการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยโดยใช้  Monte Carlo Simulation สามารถจำลอง scenario ของทิศทางและการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยได้หลากหลายรูปแบบ โดยมีการใส่ความน่าจะเป็นของแต่ละสถานการณ์ในการเปลี่ยนแปลงและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคตประกอบ

4. Duration และ Convexity และการประยุกต์ใช้


Duration


มาตรวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ price change เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก จำง่ายๆคือความชั่นนั่นเอง

แบ่งออกได้เป็น modified duration และ effective duration

modified dulation หรือ effective dulation แล้วแต่กรณี สามารถวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยแปลงเล็กน้อยเช่น 50 bps (1% แบ่งย่อยเป็น 100 bps) 

ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะๆ ต้องใช้ modified conveniently หรือ effective convexity

 \[duration = \frac{V_{-} - V_{+}}{2V_{0}\Delta y} \] 

V- คือ มูลค่าของตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อดอกเบี้ยลดลง
V+ คือมูลค่าของตราสารหนี้ ที่ลดลงเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
V0 คือ มูลค่าของตราสารหนี้ในปัจจุบบัน
delta y คือการเปลี่ยนแปลงองผลตอบแทน หน่วยเป็น bps 

ถ้า dulation 2 คือ ดอกเบี้ยเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 100 bps มูลค่าตราสารหนี้จะลดลง 2%

Convexity


เป็นมาตรวัดความโค้งนูนของเส้นราคาผลตอบแทน ยิ่งโค้งนูนมากค่า convexity ยิ่งสูง
เส้นตรงมี convexity = 0

ราคาใหม่ของหุ้นกู้ที่คิดจาก dulation น้อยกว่าราคาใหม่ที่แท้จริง ราคาใหม่ของหุ้นกู้ที่คิดจาก dulation จะถูกต้อก็ต่อเมื่อConvexity =0

ยิ่ง convexity สูงเท่าไร dulation ยิ่งเพี้ยนเท่านั้น ดังนั้นการประเมินมูลค่าต้องใช้ทั้ง dulation และ convexity ประกอบกัน

convexity ประกอบด้วย modified convexity และ effective convexity
การเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้คำนวณได้จาก

\[ [[-dulation\times\Delta y]+[convexity \times (\Delta y)^{2}]]\times 100   \]

5. Effective Duration และ Effective Convexity และการประยุกต์ใช้


modified dulation และ modified convexity เหมาะสำหรับใช้ประเมินการเปลี่ยนแปลงราคาตราสารหนี้ price change เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ option free bond เนื่องจากกระแสเงินสดในอนาคตของ option free bond ไม่มีการเปลีี่ยนแปลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลง

สำหรับ bond with embedded option ซึ่งกระแสเงินสดในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง ารใช้ modified dulation และ midified convexity ในการวัดการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตราสารหนี้ อาจไม่เหมาะสม 

การวัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของ callable bond และ puttable bond ควรใช้ Effective Duration และ Effective Convexity

เมื่ออัตราผลตอบแทนมีการเปลี่ยนแปลงเล้กน้อย การใช้ Effective Duration ก็พอ แต่ถ้าเปลี่ยนเยอะต้องใช้ Effective Duration และ Effective Convexity


6. Yield Spread, Credit Spread และ Option-Adjusted Spread (OAS)


yield spead คือส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่นำมาพิจารณาและระดับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ใช้เทียบกันช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง 
โดยทั่วไปตราสารหนี้ที่ใช้เปรียบเทียบ คือพันธบัตรรัฐบาทที่เป็น ไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิต credit risk หรือมีความสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ default risk ต่ำสุด

ปัจจัยกระทบ yield spread 


1ลักษณะทางธุรกิจของผู้ออก issuer
2อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออก
3สภาพคล่อง
4สิทธิแฝงของตราสารหนี้ Embedded Option ที่มีต่อ Option-Adjusted Spread (OAS) ของตราสารหนี้ 

Embedded Option
ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน
Embedded Option
ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ออกตราสารหนี้
เช่น putoptin และ conversion option
ทำให้ oas แคบลง
เช่น call option
ทำให้ oas กว่างขึ้น

5อายุคงเหลือของตราสาร


7. หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond)


จากมุมมองของผู้ลงทุน
มูลค่าหุ้นกู้แปลงสภาพ = มูลค่าของ option free bond + มูลค่าของ conversion option
โดย coversion option คือ สิทธ์ที่ให้แก่ผู้ลงทุนใน convertibale bond ในการแปลงสภาพตราสารหนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในราคา convertable price ที่กำหนดไว้เป็นการลล่วงหน้า

หุ้นสามัญstraight bondหุ้นกู้แปลงสภาพ
ลักษณะของผู้ลงทุนเจ้าของเจ้าหนี้เจ้าหนี้
ผลตอบแทนจากการลงทุนเงินปันผล และส่วนต่างราคาดอกเบี้ยตามหน้าตั๋วไม่ขึ้นกับผลประกอบการดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติและส่วนต่างราคากับเงินปันผลถ้ามีการแปลงสภาพ
ความผันผวนสูงต่ำต่ำ แต่ราคาจะสูงขึ้นหากหุ้นขึ้น


8. การประเมินมูลค่าโดยอ้างอิงหลักการออปชัน


มุมมองผู้ลงทุน bondholder

มูลค่าของ convertible bond = มูลค่าของ option free bond + มูลค่าของ call option บนหุ้นสามัญ

มุมมองของผู้ลงทุน bondholder

มูลค่าของ convertible bond ที่ผู้ออกตราสารมีสิทธ์ไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด
= มูลค่าของ option free bond
 + มูลค่า call option บนหุ้นสามัญ ออปชั่นการแปลงสภาพ
 - มูลค่าของ call option ในการไถ่ถอนคืนก่อนกำหนดที่เป็นสิทธ์ของผู้ออกตราสาร

มุมมองของผู้ลงทุน bondholder

มูลค่าของ convertible bond ที่ผู้ออกตราสารมีสิทธ์ไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด และผู้ออกตราสารมีสิทธ์ขายคืนก่อนกำหนด
= มูลค่าของ option free bond 
+ มูลค่า call option บนหุ้นสามัญ ออปชั่นการแปลงสภาพ
- มูลค่าของ call option ในการไถ่ถอนคืนก่อนกำหนดที่เป็นสิทธ์ของผู้ออกตราสาร
+มูลค่าของ put option ในการขายคืนตราสารหนี้ก่อนกำหนดที่เป็นสิทธ์ของผู้ลงทุนในตราสาร


9. COCO Bonds


Contingent Convertible Bonds (COCO Bonds หรือ COCOs) เป็นตราสารหนี้ที่อยู่ในกลุ่มของ convertible bond โดย COCO มีลักษณะพิเศษสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของผู้ออกตราสารได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ trigger event ตามเงื่อนไขของตราสาร

สามารถแปลงได้อัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขโดยไม่ต้องเจรจากับเจ้าหนี้

  • ผุ้ถือจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป แลกกับ
  • เป็นเจ้าหนี้โดยไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด หรือรอลูกหนี้ของคืนืนหลัง 5-10 ปี
  • โอาสไม่ได้คืนถ้าแบงค์ย่ำแย่ 2023 แบงค์อเมริกาล้มไปหลายแบงค์จากปัญหาสภาพคล่อง เห็น coco bond แปลงเป็นทุน แล้วมันก็ยังเจ้งเหลือ 0 ใน วันเดียว
  • โอกาสถูกเปลี่ยนจากเจ้าหนี้เป็นผู้ถือหุ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าเงื่อนไขทีี่สถาบันการเงินนั้นๆ กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือโดยคำสั่งทางการ

=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2566

CISA ตราสารหนี้ 1.3 ตราสารหนี้ที่มีความซับซ้อนอันเกิดจากการมีอนุพันธ์แฝง ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง

1.3.1 หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง structured note


เรียกสั้นๆว่าหุ้นกู้อนุพันธ์ structured note = หุ้นกู้ + อนุพันธ์
ตามพรบหลักทรัพย์ ไม่รวม callable putable covertable bond

หุ้นกู้อนุพันธ์มีลักษณะเป็น yield enhancement product ผลตอบแทนจาก 2 องค์ประกอบหลัก
  • ผลตอบแทนจากตราสารหนี้หลัก
  • ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม แล้วแต่ว่าจะไปอ้างอิงกับอะไร
ผลตอบแทนขึ้นกับโครงสร้าง
  • คุ้มครองเงินต้น capital protected products
  • กำหนดอัตราการมีส่วนร่วม participation product

1.3.2 Equity link note


อ้างอิงราคาหุ้น
ขายคนที่ไม่อยากลงทุนหุ้นโดยตรงแต่อย่างได้ผลตอบแทนอ้างตามหุ้น และไม่อยากเสียเงินต้น

shark fin bull note = หุ้นกู้อนุพันธ์ที่ผสมระหว่างหุ้นกู้ และตราสารอนุพันธ์ capital protection จายผลตอบแทนขึ้นกับราคาหุ้นอ้างอิง 
ไว้ขายคนที่อยากได้ผลตอบแทนตามหุ้นแต่ไม่อยากเสียเงนต้น 

ex ตราสารหนี้คุ้มครองเงินต้น / ดอก 1.65% ต่อปี / ได้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มถ้าราคา AOT เกิน 56.76 บาท/ อัตราการมีส่วนร่วม 1.5%

จำนวนเงินต้นชำระคืน = เงินต้น + ดอกเบี้ยขึ้นต่ำ 1.65% ต่อปี + ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม
ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม = max[  ((ราคาหุ้นอ้างอิง/56.75)-1)*1.5%, 0]

ผลตอบแทน

  • ผลตอบแทนรูปดอกเบี้ยคงที่ขัั้นต่ำ กำหนดไว้ค่อนข้างต่ำ โดยผลตอบแทนหลัก core return มาจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีอ้างอิง
  • ผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหุ้นอ้างอิง
ความเสี่ยง
  • ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออก credit risk
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาตลาดของหลักทรัพย์อ้างอิง market risk
  • ความเสี่ยงเหตุการณ์ที่เกี่ยวของกับบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อ้างอิง
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

1.3.3 interest rate linked notes


ลักษณะพื้นฐาน

คล้ายหุ้นกู้จ่ายดอกเบี้ยลอยตัว แต่กำหนดอะไรแปลกๆได้ตามจิตนาการ

ผลตอบแทน

  • ตามดอกเบี้ยอ้างอิง

ความเสี่ยง

  • ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  • ความเสี่ยงของผู้ออก
  • ความเสี่ยงสภาพคล่อง

ตัวอย่าง ผลตอบแทนคงที่ 1 ส่วนเพิ่มถ้าต่ำกว่า 8

จำนวนเงินที่จะได้รับคืน = มูลค่าที่ตราไว้ +[มูลค่าที่ตราไว้ x [max(1%, (9%- mlr))]

ถ้า mlr มากกว่าเท่ากับ 8 จะได้ 1% น้อยกว่า 8 จะมีส่วนเพิ่ม สูงสุดที่ 9%

1.3.4 foreign exchange linked notes


ผลตอบแทนขึ้นกับค่าเงิน

ความเสี่ยงขึ้นกับความผันผวนของค่าเงิน


ตัวอย่าง foreign exchange linked notes อ้างอิงเงินดอล ตราไว้ 5000000 บาท ขายที่ราคาคิดลด 99.4870% ของมูลค่าที่ตราไว้ กำหนด strike price ที่ 34.7
แข็งมากกว่า strike price ได้เงินต้น
อ่อนค่า ผู้ออกตราสารหนี้จะส่งมองสกลุดอลเท่ากับ
มูลค่าที่ตราไว้/strike price = 5,000,000/34.7 = 144,092.22usd

กรณีดอลแข็งค่า ได้ 5,000,0000

ราคาทุน 5,000,000 * 99.4870% = 4,974,350
ผลตอบแทน = (5,000,0000 - 4,974,350)/4,974,350 = 0.52%

กรณีดอลอ่อนค่า ได้กลับคืนเป็นบาทลดลง ขาดทุน

อ่อนค่า ผู้ออกตราสารหนี้จะส่งมองสกลุดอลเท่ากับ
มูลค่าที่ตราไว้/strike price = 5,000,000/34.7 = 144,092.22usd
แลกเงินไทย ที่ 34.4 thb/usd = 144,092.22*34.4 = 4,956,772.368 บาท

ผลตอบแทน (4,956,772.368 - 4,974,350)/4,974,350 = -0.35%

1.3.5 commodity linked note


ขึ้นกับ commodity
commodity linked bull bear bonds
  • bull tranche เพิ่มเมื่อคอมโมเพิ่ม
  • bear tranche ลดเมื่อคอมโมลง
ผลตอบแทนขึ้นกับ ราคาสินค้า ขึ้นกับ demand supply เศรษฐกิจ ฯลฯ
ความเสี่ยง
  • ความเสี่ยงด้านราคา
  • ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพราะ commodity ส่วนใหญ่ซื้อขายในเงินต่างประเทศ

1.3.6 bond link note


ผลตอบแทนขึ้นลงตามตราสารหนี้อ้างอิง

1.3.7 fund linked note


ผลตอบแทนขึ้นกับ กองทุนอื่น

1.3.8 credit linked note


ผลตอบแทนขึ้นกับ credit

1.4 ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง


ชอบเสี่ยงสูงก็ลุ้นๆเอาหน่อย
ปี 2023 เศรษฐกิจไม่ค่อยดีมีหุ้นกู้เจ้งไปหลายตัว ALL
หนักสุดคือ STARK สร้างรายได้เทียมทำกำไรดูดี ระดมทุนมาแล้วปล่อยจอย

 
=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

CISA ตราสารหนี้ 1.2 ตราสารหนี้ที่มีความซับซ้อนอันเกิดจากการมีลักษณะคล้ายทุน

ตราสารหนี้ที่มีความซับซ้อนอันเกิดจากการมีลักษณะคล้ายทุนประกอบด้วย
  • ตราสารที่ผู้ถือตราสารด้อยสิทธ์ในการได้รับชำระคืนกว่าเจ้านี้สามัญทั่วไป
  • ตราสาร basel III
  • ตราารหนี้ที่ผู้ออกตราสารมิสิทธ์เลื่อนการจ่ายดอกเบี้ย
  • ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท

1.2.1ตราสารด้อยสิทธ์เพื่อนับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์หรือ  basel III


เป็นตราสารด้อยสิทธ์ที่นับเป็นเงินกองทุน
รู้จักกันในชื่อ contingent convertible bond หรือ coco bond
เรียงลำดับ ตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนชั้นที่ 2 > ตราสารที่ที่เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 > หุ้นสามัญ

ลักษณะที่แตกต่างBaswl III Tier 2Basel III Tier 1
ลำดับชั้นในการชำระหนี้หาธนาคารมีปัญหาทางการเงินเป็นตราสารหนี้ด้อยสิทธ์ที่จะถูกลดมูลกค่าหรือถูกตัดเป็นหนี้สูญและมีสิทธ์เรียกร้องการชำระคืนหนี้สินภายหลังเจ้าหนี้สามัญและผู้ฝากเงินเป็นตราสารหนี้ด้อยสิทธ์ที่จะถูกลดมูลค่าหรือถูกตัดเป็นหนี้สูญและมีสิทธ์เรียกร้องการชำระหนี้คืนภายหลัง Baswl III Tier 2
อายุส่วนใหญ๋มากกว่า 5 ปี   เป็น perpetual bond ไม่กำหนดอายุ
ผลตอบแทน  จ่ายดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้หรือยกเลิกการจ่ายหากธนาคารพาณิชย์ประสบปัญหาการเงินสามารถเลื่อนจ่ายดอกเบี้ยได้โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สะสมดอกเบี้ย
การไถ่ถอนมีโอกาสถูกไถ่ถอนคืนก่อนกำหนดมีโอกาสถูกไถ่ถอนคืนก่อนกำหนดส่วนใหญ่ภายหลัง 5 ปีนับจากวันออก

คนออกมีต้นทุนต่ำกว่าเพิ่มทุน เพราะเอาดอกกเบี้ยเป็นรายจ่ายลดภาษี
คนซื้อได้ดอกสูงกว่าทั่วไป
ถ้าธนาคารเจ้งมีโอกาสตัดหนี้สูญทั้งจำนวน

ผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสาร Basel III


  • ผลตอบแทนจากการลงทุน
        • ดอกเบี้ยรับสูงกว่าเพราะมีความเสี่ยงมากกว่า
  • ความเสี่ยงในการลงทุน
    • ความเสี่ยงด้านดอกเบี้ย 
      • ลอยตัวเสี่ยงน้อยกว่าคงที่
      • เทียบคงที่ด้วยกัน เสี่ยงดอกเบี้ยน้อยกว่า เพราะจ่ายดอกแพงกว่า
    • ความเสี่ยงสภาพคล่อง
    • สภาพคล่องน้อย
    • ความเสี่ยงจากการถูกไถ่ถอนก่อนกำหนด
      • ส่วนใหญ่ไถ่ถอนหลัง 5 ปี
    • ความเสี่ยงด้านเครดิต
    • มีความเสี่ยงไม่ได้ดอกตามกำหนด และเสียเงินต้น

1.2.2 ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อมีการเลิกบริษัท

ลักษณะและเงื่อนไขสำคัญของตราสาร


  • ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอน
  • ซื้อคืนได้ก่อนกำหนด ส่วนใหญ่หลัง 5 ปี
  • ด้อยสิทธ์ ได้หลังเจ้าหนี้
  • เลื่อนการจ่ายดอกได้ สะสมดอกเบี้ยไปจ่ายวันไหนก็ได้
  • บันทึกเป็นทุนถ้า (tas32)
    • ไม่มีกำหนดชำระคืน
    • เลื่อนจ่ายดอกเบี้ยได้
  • บันทึกเป็นทุนทำให้ทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่มี dilution effect

ผลตอบแทนและความเสี่ยง

  • ผลตอบแทน
    • ดอกเบี้ย คงที่ ลอยตัว ผสม
    • ไถ่ถอนได้ ดอกเยอะกว่า
  • ความเสี่ยง
    • ได้รับชำระหลังเจ้าหนี้
    • เวลามีปัญหาไม่ถูกจัดกลุ่มในเจ้าหนี้ ต้องรอเจ้าหนี้อื่นได้รับก่อน
    • ความเสี่ยงสภาพคล่อง
    • โดนไถ่ถอนช่วงดอกต่ำ มีความเสี่ยงลงทุนต่อแล้วไม่ได้ดอกเท่าเดิม reinvestment risk
    • โดนเลื่อนจ่ายดอก ได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง
    • ไม่มีCross-Default หากผู้ออกตราสารมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นหรือเจ้าหนี้อื่น จะไม่ทำให้ผู้ออกเข้าเงื่อนไขของการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ภายใต้Perpetual Bond

1.2.3 ตราสารหนี้ที่กำหนดเงื่อนไขการให้ผู้ออกตราสารมีสิทธ์เลื่อนการจ่ายดอกเบี้ย


ลักษณะเงื่อนไขสำคัญ


เลื่อนแล้วห้าม
  • จ่ายปันผล
  • จ่ายดอก ให้ตราสารที่มีสถานะเท่ากันหรือต่ำว่า
  • ไถ่ถอน ลด ยกเลิก ซื้อคืน ตราสารที่มีสถานะเท่ากันหรือต่ำว่า
ผลตอบแทนและความเสี่ยง
  • ผลตอบแทน
    • ดอกคงที่ ลอยตัว ผสม
    • เลื่อนได้ เสี่ยงมากกว่า ดอกสูงกว่า
  • ความเสี่ยง
    • ไม่ได้ดอกตามวันที่กำหนด
    • ได้รับชำระหลังเจ้าหนี้อื่น


=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

CISA ตราสารหนี้ 1.1 ลักษณะทั่วไปของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน

1.1.1 ลักษณะของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน


ตราสารหนี้แท้จ่ายเงินต้นดอกเบี้ยตามงวด
ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน รูปแบบกระแสเงินสดต่างจากตราสารหนี้ปกติ กระแสเงินสดไม่แน่นอน

ลักษณะความซับซ้อน

  • การจ่ายกระแสเงินสดไม่แน่นอน ex ผู้ออกเลื่อนจ่ายดอกได้
  • อายุตราสารไม่แน่นอน ex ไม่กำหนดอายุ
  • ลำดับสิทธ์ในการรับชำระหนี้ เช่นตราสารหนี้คล้ายทุน
  • มีอนุพันธ์แฝง (ไม่รวม callable bond putable bond) ผลตอบแทนอ้างอิงสินทรัพย์อื่น เช่น ทอง น้ำมัน

ลักษณะความเสี่ยงที่สูงกว่าตราสารหนี้ที่มีลักษณะเป็นตราสารหนี้แท้

  • ความเสี่ยงราคา
  • ความเสี่ยงด้านการชำระหนี้คืน ลำดับสิทธ์อาจด้อยกว่าตราสารหนี้แท้
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
  • ตราสารหนี้แท้อาจเสี่ยงสูงได้ จาก credit risk และ liquidity risk สูงเช่น high yield bond

1.1.2 ความแตกต่างระหว่างตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง และมีความซับซ้อนกับตราสารหนี้ทั่วไป


ทบทวนลักษณะตราสารหนี้เปรียบเทียบกับตราสารทุน


ตราสารหนี้ เป็นเจ้าหนี้ ลงทุนได้ดอกเบี้ย
ตราสารทุน เป็นเจ้าของ ลงทุนแล้วได้ปันผล ตอนล้มละลายจ่ายเจ้าหนี้ก่อน เหลื่อค่อยมาจ่ายผู้ถือหุ้น




ลักษณะหลักตราสารหนี้แท้ (pure debt)ตราสารทุนแท้ (pure equity)
1สิทธ์เรียกร้องของผู้ถือต่อผู้ออกตราสารก่อนเจ้าของหลังเจ้าหนี้
2 ลำดับของสิทธ์เรีกร้องของผู้ถือขึ้นกับว่าเป็นตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธ์
(senior debt) หรือตราสารหนี้ด้อยสิทธ์ (subordinated  debt)
รายสุดท้ายจากส่วนที่เหลือ
(resibual claims)
3 กระแสเงินสดที่ผู้ถือจะได้รับรายงวดจำนวนเงินดอกเบี้ย แน่นอนตามที่
ระบุเงื่อนไขเหือนกันในทุกงวดเวลา
สม่ำเสมอตามที่ระบุ
เงินปันผล ไม่แน่นอน ผันแปรตามจำนวนที่บริษัทประกาศจ่ายในแต่ละงวด
4 อายุของตราสารมีอายุไถ่ถอนที่ระบบไว้แล้ว (fixed maturity)ไม่กำหนดวันไถ่ถอน (perpetual)


ตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายทุน


อยู่ตรงกลางระหว่าง ตราสารหนี้แท้ และ ตราสารทุน
ลักษณะที่ทำให้ตราสารหนี้บางชนิดมีลักษณะคล้ายตราสารทุนเช่น
  • ลักษณะการด้อยสิทธ์ (subordination) ตราสารหนี้แยกย่อยคร่าวได้เป็น
    • ตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธ์ (seniour, unsubbordinated)
    • ตราสารหนี้ด้อยสิทธ์ (subbordinated) การด้อยสิทธ์มีการจัดชั้นลึกลงไปจนอาจมีลักษณะการด้อยสิทธ์ เกือบเท่า แต่เหนือกว่าทุน
  • เลือนการจ่ายดอกเบี้ยได้ (deferability of interest payment)
  • วันครบกำหนดไถ่ถอน


ลักษณะหลักตราสารหนี้แท้ตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายทุนตราสารทุนแท้
ลำดับสิทธ์เรียกร้องของผู้ถือไม่ด้อยสิทธ์ (unsubbordinated)ด้อยสิทธ์(subbordinated)ยิ่งด้อยสิทธ์ลงไปยิ่งด้อยสิทธ์ลงไปรายสุดท้าย(residual claims)
กระแสเงินสดที่ผู้ถือจะได้รับรายงวดจำนวนดอกเบี้ยและงวดเวลาสม่ำเสมอตามที่ระบุจำนวนเงินดอกเบี้ยและงวดเวลาสม่ำเสมอตามที่ระบุเลือนการจ่ายดอกเบี้ยได้แต่สะสมได้งดการจ่ายดอกเบี้ยได้ (ไม่สะสม)เงินปันผลตามจำนวนและงวดเวลาที่บริษัทประกาศจ่าย
อายุของตราสารมีอายุไถ่ถอนที่ระบุไว้แล้ว (fixed maturity)   มีอายุไถ่ถอนที่ระบุไว้แล้ว(fixed maturity)มีอายุไถ่ถอนที่ระบุไว้แล้ว หรือ(fixed maturity)ไม่กำหนดวันไถ่ถอน (perpetual)ไม่กำหนดวันไถ่ถอน(perpetual)ไม่กำหนดวันไถ่ถอน(perpetual)

ตัวอย่าง

ตราสารหนี้ที่ผู้ถือตราสารด้อยสิทธ์การได้รับชำระคืนกว่าเจ้าหนี้สามัญทั่วไป รวมทั้งตราสารด้อยสิทธ์เพื่อนับเป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ (ตราสาร basel III)

ลักษณะของตราสารหนี้ที่มีอนุพันธ์แฝง structured note


ตราสารหนี้ที่กำหนดการจ่ายผลตอบแทนขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิง

การกำหนดการจ่ายผลตอแทนในตราสารหนี้ทั่วไป เทียบกับการกำหนดการจ่ายผลตอบแทนในตราสารหนี้ที่มีอนุพันธ์แฝง

การกำหนดการจ่ายผลตอบแทนในตราสารหนี้ทั่วไป


ผลตอบแทนจากการงทุนในตาสารหนี้ทั่วไป ชนิดตราดอกเบี้ยรายงวด (coupon boand)
  • ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยจากคูปอง จ่ายตามหน้าตั๋ว
  • ผลต่างระหว่างราคาซื้อและราคาไถ่ถอนตราสารหนี้

การกำหนดการจ่ายผลตอแทนในตราสารหนี้ที่มีอนุพันธ์แฝง strutured debt securities


จ่ายผลตอบแทน ทั้งแบบตราสารหนี้ทั่วไป และการมีอนุพันธ์แฝงขึ้นกับราคาปัจจัยอ้างอิงเช่น
  • ราคาหลักทรัพย์ equity link note
  • อัตราดอกเบี้ย interest rate link note
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ foreign exchange link note
  • ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ commodity linked note

มูลค่าไถ่ถอนและกำหนดเวลาไถ่ถอนของตราสารหนี้ทั่วไป

กำหนดวันไถ่ถอน และคืนเงินต้นตามมูลค่าหน้าตั๋ว

ข้อสังเกตุ

  • callable bond และ putable มีสิทธ์ (option) แฝงอยู่แต่ไม่ซับซ้อนจึงจัดเป็นตราสารหนี้ทั่วๆไป ไม่เป็นตราสารหนี้ซับซ้อน
  • convertible bond ที่เแปลงเป็นหุ้นได้ โดยกำหนดผลตอบแทนก่อนการใช้สิทธ์ในการแปลงสภาพอย่างแน่นอน หรือผันแปรตามอัตราดอกเบี้ยของสภาบันการเงิน และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขการจ่ายผลอบทนที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อื่นเพิ่มเติม ไม่นับเป็นตราสารหนี้ที่มีความซับซ้อน
ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง

จำแนกได้หลายแนวคิด ได้แก การจำแนกบนพื้นฐานกิจการเป็นความเสี่ยงธุรกิจและการเงิน จากนั้นจึงเพิ่มความเสี่ยงอื่น ได้แต่
  • ความเสี่ยงด้านเครดิต credit risk <<<<<<<<<<< สนใจเป็นพิเศษ เสี่ยงสูงดอกสูง
  • คามเสี่ยงสภาพคล่อง liquidity risk
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาดอกเบี้ interest rate risk
  • ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ
1.1.3 ประเภทของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงและมีความซับซ้อน

ตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายทุน equity like หรือตราสารแบบผสม hybrid security

ลำดับชั้นด้อยสิทธ์กว่าเจ้าหนี้สามัญ และเจ้าหนี้บุริมสิทธ์ แต่สูงกว่าทุน

ดอกเบี้ยอาจมีทั้งคงที่และลอยตัว สามารถเลือน หรืองดได้ โดยไม่ถือเป็นการผิดนัด หรือจ่ายเมื่อเลิกกิจการ

การเลื่อน มักมีเงื่อนไขให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผล

อายุยาว บางอันแปลงเป็นหุ้นได้

ให้ดอกสูงกว่า เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงกว่าปกติทั่วไป

ได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ ไม่ผันแปรตามผลประกอบการคาดการได้ 

มุมมองบริษัท
  • เป็นส่วนหนึ่งของทุน
  • ดีกว่าเพิ่มทุนเพราะไม่มี dilution
  • de ลดลงเพราะทุนใหญ่ขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าเอาไว้ในหนี้เหมือนเดิมดีกว่า
  • roe ลดลง
  • เอาเงินมาลงทุนขยายธุรกิจได้
หุ้นกู้อนุพันธ์

หุ้นกู้ + อนุพันธ์

เป็นหุ้นกู้ระยะสั้นไม่เกิน 270 วัน แต่ผลตอแทนดอกเบี้ย และเงิต้นคล้ายตราสารอนุพันธ์

ความเสี่ยง
  • คนออกหุ้นกู้ ไม่ใช่ผู้ออกตราสารอนุพันธ์นั้น
  • ความเสี่ยงเรื่องผลตอบแทน ศึกษาสินค้าอ้างอิงดีๆ
  • credit rating ไม่คลอบคลุมผู้ออกตราสารอนุพันธ์
  • เงินเริ่มต้นสูง
  • ไปลงต่างประเทศอย่าลืมอัตราแลกเปลี่ยน
non investment grade speculative grade และ unrated bond

เกรดต่ำกว่า BBB วัดใจเอา
แบบไม่มีเกรด ขายรายใหญ่

ที่เคยเห็นเจ้งไปแล้วเช่น earth ขายถ่านหิน งบมีกำไร แต่กระแสเงินสดดำเนินงานไม่ดี วันไหนหมุนไม่ทัน จ่ายดอกไม่ได้ 1 อัน อีก วัน ตราสารหนี้ชุดอื่นเรียกคืน เงินต้นพร้อมดอก ธนาคารไม่ปล่อยต่อ วันนี้ออกจากตลาดไปแล้ว


อ้างอิง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การวิเคราะห์การลงทุนในตราสารหนี้ขั้นสูง

=======================================

อ่านหนังสือมาเยอะแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก


รวม 3 หลักสูตร Online ในคอรสเดียว เรียนจบวิเคราะห์หุ้นได้ทุกตัวในตลาด


✅เเจาะงบราย sector + ประเมินมูลค่า + แกะงบทุกตัวในตลาด(ปีละครั้ง) และสรุปงบ ทุกไตรมาส
✅เรียนOnlineผ่านวิดิโอในfacebookกลุ่มปิด ความยาวกว่า 60 ชั่วโมง
✅ดูได้ตลอดชีพ ไม่มีลบคลิป และไลฟอัพเดทเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา
✅สงสัยถามได้ตลอดเวลา

☀เรียนแล้วได้อะไร☀


✅ดูการ เกิดขึ้นตั้งอยู่และถดถอย ของธุรกิจผ่านงบการเงิน
✅แต่ละช่วงเศรษฐกิจ sector ไหนไป sector ไหนมา และเครื่องมือดูแบบ real time
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน คุณภาพลูกหนี้ดูตรงไหน
✅กลุ่มธุรกิจบริการ การเติบโต จุดคุ้มทุนดูอย่างไร
✅โรงแรม สื่อสาร ค้าปลีก
✅การวิเคราะห์ธุรกิจผลิต เทคนิคดูกำลังการผลิตของโรงงาน เมื่อไรจะต้องขยายโรงงานใหม่
✅ประสิทธิภาพโรงงานเป็นอย่างไร ใครดีใครด้อย เผยชัดๆ
✅การวิเคราะห์ธุรกิจ ซื้อมาขายไป สิ้นค้าค้างสต็อก เก็บเงินไม่ได้ดูอย่างไร
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่มรับเหมา
✅การวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ แบบไวๆ จะโอนได้เมื่อไร
✅การวิเคราะห์หุ้น วงจร รอบมา รอบไป สัญญาณในงบการเงิน
✅หุ้น turn around เจ้ากำลังแอบทำโปรเจกอะไรในงบการเงิน
✅การประมเนมูลค่าของแต่ละ sector ว่ามมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง

=======================================
แคปรูปตรงนี้มาได้ส่วนลดพิเศษจากปกติ 5000 บาท เหลือเพียง 2,800 บาทเท่านั้น
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
line id; pat4310

เพิ่มเพื่อน
=======================================

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สอบ CFA, CISA ไม่ยากถ้ารู้จักเตรียมตัว

ขอบอกว่างานอดิเรกของผมคือสอบ CISA ที่เป็นหลักสูตรที่เนื้อหาเดียวกับ CFA เพราะใช้ตำราเล่มเดียวกัน แต่เป็นของไทย จัดสอบโดย TSI  เหตผลก็ง่ายๆครับคืออยากรู้ว่านักวิเคราะห์ที่พูดกรอกหูให้เราฟังพอฟังให้เคลิ้มๆก็เอาเงินออมทั้งชีวิตไปลงทุนเขาคิดอะไร ก็มาดูหลักสูตรสำหรับนักวิเคราะห์ที่เขานิยมสอบกันก็คือ CISA ของไทย CFA อเมริกา เปรียบเทียบราคาแล้วสอบก็เลือกสอบ CISA ของไทยครับเพราะแยกสอบเป็นหมวดๆได้ แต่ต้องสอบให้ผ่านทุกหมวดใน 2 ปี ส่วน CFA เครียดกว่าหน่อยเพราะสอบครั้งเดียว ค่าสอบก็แพง เอาเงินส่วนต่างมาลงทุนดีกว่า

เนื้อหาที่ต้องสอบมีอะไรบ้าง?
วิชาที่สอบจะแบ่งเป็นสี่หมวดครับ
หมวดที่ 1 จรรยาบรรณ
การเตรียมตัวสอบง่ายมากคือให้อ่านกรณีศึกษาเข้าไปเหมือนอ่านนิยาย ข้อสอบก็ออกประมาณนั้นแหละ อีกเทคนิคนึงคือให้ตอบคำถามตรงข้ามกับที่เราทำอยู่ 5555

หมวดที่ 2 ความรู้พื้นฐาน
ถ้าสอบ level 1 ข้อสอบจะเน้นหมวดนี้เป็นพิเศษครับ เนื้อหาเยอะ แต่ก็เป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการลงทุนวิชาที่สอบก็ประกอบด้วย
1 คณิตศาสตร์ คำนวณผลตอบแทน ความน่าจะเป็น และสถิติ มี regression นิดหน่อย เทคนิคก็ต้องหัดกดเครื่องคิดเลขให้ชินและไวครับ
2 เศรษฐศาสตร์ เนื้อหามีทั้งเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค แต่ผมจบเศรษฐศาสตร์มาก็เลยชิวๆครับ
3 บัญชี บัญชีก็เหมือนบันทึกประวัติศาสตร์ของบริษัทนั้นๆครับ เคยผ่านอะไรมาก็จะอยู่ในงบการเงินนั้นเอง วิชานี้เครื่องมือหากินเลยโดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นที่ต้องวิเคราะห์งบการเงินให้ออกเพราะเป็นภาษาของธุรกิจครับ
4 การเงิน ถ้าเปรีบบัญชีเหมือนบันทึกประวัิติศาสตร์ วิชาการเงินก็เหมือนการมองไปข้างหน้าครับ
  4.1 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า? ในการประเมินมูลค่าหุ้นหัวใจอยู่ีที่คำถามนี้ครับ คนที่เก่งๆเขาจะมองภาพนี้ออกครับ สมมติเจอหุ้นตัวนึงที่กำลังปรับโครงสร้างหนี้ เขาจะถามเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า?บริษัทนี้ปรับโครงสร้างหนี้ได้ หนี้หายไปครึ่งนึง และกลับมาจ่ายปันผลได้
  4.2 มูลค่าของกิจการจะเป็นเท่าไร เรื่องนี้ไม่ยากแค่เอาตัวเลขมาใส่สูตรก็จบ

หมวดที่ 3 การประเมินมูลค่า
เนื้อหาหมวดนี้จะเน้นใน level 2 ครับ เนื้อหาก็มี 4 วิชาคือ
1 การประเมินมูลค่าตราสารหนี้ เวลาอ่านให้จิตนาการว่าเราเป็นเจ้าหนี้ครับและจะมันส์ในการอ่านมาก
2 การประเมินมูลค่าตราสารทุน  เวลาอ่านให้จิตนาการว่าเราเป็นเจ้าของกิจการครับ ใน level 1 สูตรหลักๆก็ DDM คิดลดเงินปันผล แค่นั้นแหละพลิกไปพลิกมา
3 การประเมินมูลค่าตราสารอนุพันธ์ เวลาอ่านให้จิตนาการว่าเราเป็นเจ้ามือบ่อนครับ แล้วจะเห็นจุดเชื่อมโยงของแต่ละเรื่อง
4 การประเมินมูลค่าการลงทุนทางเลือก เหมือนการรวมตราสารทั้งสามตัวเข้าด้วยกัน เป็นสารพัดการลงทุนประหลาดๆ ทำสุดท้ายก็ได้เงินเหมือนกัน

หมวดที่ 4 การบริหารพอร์ทลงทุน
เป็นการประเมินว่าเราควรลงทุนหลักทรัพย์แต่ละตัวด้วยสัดส่วนเท่าไร ที่จะตอบสนองความต้องการของเราได้

จากเนื้อหาผมว่าถือว่าครบครันสำหรับการลงทุนครับ แต่ความยากจริงคือจะเอาทั้ง 10 วิชามาผสมกันเป็นหลักการลงทุนของเราได้อย่างไร