วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

ส่องงบหุ้นนิคม AMATA WHA ROJNA TFD รับ EEC


หุ้นนิคม AMATA WHA ROJNA TFD เป็นหุ้นที่ตลลาดนิยมเล่นกันต้อนรับกระแส EEC ตลาดเชื่อกันว่าถ้า EEC เกิดขึ้นได้จริงตามแผน นิคมอุตสาหกรรมเหล่านี้จะได้รับประโยชน์ มาดูกันครับว่างบการเงินของใครจะแจ่มน่าลงทุนกว่ากัน

เรื่องหนี้สิน


โครงสร้างหนี้

หุ้นนิคมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีสัดส่วนหนี้สินค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 ของสินทรัพย์รวม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน TFD น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะมีหนี้สินจำนวนมาก และหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นถ้าจัดการไม่ดีมีโอกาสมีปัญหาทางการเงินได้

ความสามารถในการชำระหนี้หุ้นนิคม

เมื่อดูความสามารถในการชำระหนี้จะเห็นว่าส่วนใหญ่มีระดับหนี้สิน DE Ratio ที่ค่อนข้างสูง และมีระยะเวลาชำระหนี้ท่ค่อนยาวด้วย โดยมีระยะเวลาคืนหนี้ Payback Period มากกว่า 10 ปี แสดงว่ากระแสเงินสดในแต่ละปีของหุ้นนิคมถ้าเอามาจ่ายหนี้ใช้หนี้จนเหงือกแห้งเลยกว่าจะหมด และที่น่าเป็นห่วงสุดคือ TFD ที่กระแสเงินสดติดลบแสดงว่าไม่มีเงินสดเพียงพอจ่ายหนี้

ในภาพรวมความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มนิคมถือว่าไม่ดีเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมชาติของหุ้นกลุ่มอสังหาอยู่แล้ว

การใช้ประโยชน์สินทรัพย์




โครงสร้างสินทรัพย์และรายได้


จะเห็นว่าส่วนหญ่หุ้นนิคมส่วนใหญ่สินทรัพย์จะเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่มีอายุมากกว่า 1 ปี บริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนมากที่สุดคือ WHA ซึ่งสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนส่วนใหญ่จะเป็นค่าความนิยมจากการเข้าไปซื้อกิจการนิคมเหมราช 17,000 ล้าน เงินเงินลงทุนในกอง Reit และ โรงไฟฟ้า

จากอัตราส่วนหมุนเวียนทรัพย์สิน จะเห็นว่าสินทรัพย์ที่มี 1 บาทจะนำไม่สร้างรายได้ได้ประมาณ 0.2 บาท คนที่แหกโค้งเพื่อนคือ TFD สร้างรายได้ได้แค่ 0.1 บาทน่าเป็นห่วงมาก

วงจรเงินสดหุ้นนิคม

หุ้นนิคมอุตสาหกรรมก็เหมือนหุ้นอสังหาที่รายได้ส่วนหนึ่งมากจากการขายที่ดินในนิคม ซึ่งถูกบันทึกไว้ในสินค้าคงเหลือในงบการเงิน จะเห็นว่าคนที่ตุนทีี่ไว้เยอะสุดหรือไม่ก็ขายไม่ออกคือ  คือ TFD ที่วงจรเงินสดยาวกว่า 3,400 วัน เงินจมในที่หนักมาก รองลงมาคือ AMATA มีวงจรเงินสด 1,229 วัน WHA 870 วัน และ ROJNA ขายไวสุด 326 วัน ต้องของเป็นกำลังใจให้ TFD ว่าจะเป็นอย่างไร ขายที่ไม่ออกซวย

การลงทุนและผลตอบแทนหุ้นนิคม


 จะเห็นว่าหุ้นที่มีการลงทุนสูงในปีที่ผ่านมาคือ AMATA และลงทุนรองลงมาคือ TFD ที่จากอัตราส่วน Reinvestment ratio ที่แสดงการลงทุนในที่ดินอาคารอุปกรณ์เทียบกับค่าเสื่อมมีค่าสูงถึง 8.93 และ 5.07 ตามลำดับ ROJNA มีการลงทุนนิหน่อย และบริษัทที่ไม่ลงทุนคือ WHA เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมาเพื่อการชำระหนี้ที่กู้มาซื้อเหมราช

เมื่อดูผลตอบแทนที่สินทรัพย์สร้างได้ในรูปเงินสด จาก Ratio CFroi จะเห็นว่าส่วนใหญ่สร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 3-6% แต่ที่แย่สุดคือ TFD ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนรูปเงินสดได้เลย


ความสามารถในการทำกำไร


สัดส่วนรายได้และรายได้อื่น

เมื่อพิจารณาสัดส่วนของรายได้และรายได้อืนจะเห็นว่า บริษัทที่มีรายได้อื่นส่วนใหญ่จะเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนค่อนข้างเยอะคือ WHA และ TFD สัดส่วนรองลงมาคือ AMATA และ ROJNA



ดูความสามารถในการทำกำไรกันบ้าง คนที่กำไรขั้นต้นดีสุดคือ AMATA รองลงมาคือ WHA TFD  ต่ำสุดคือ ROJNA  แต่คนที่มีปัญหามากสุดคือ TFD ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกว่า 32% ของยอดขายทำให้ขาดทุนตั้งแต่กำไรดำเนินงานยังไม่ทันได้หักดอกเบี้ยและภาษี ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก TFD

อัตรากำไรและคุณภาพกำไร
เมื่อพิจารณาอัตรากำไรจะเห็นว่า AMATA WHA มีอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างสูง รองลงมาคือ ROJNA และแย่สุดคือ TFD

ในส่วนของคุณภาพกำไรส่วนใหญ่มีค่าต่ำกว่า 1 แสดงว่าบริษัทนิคืมส่วนใหญ่มีกำไรแต่ไม่ค่อยมีกระแสเงินสดเท่าไรนัก บริษัทที่คุณภาพกำไรต่ำกว่า 1 ไม่ค่อยเหมาะถือยาวเท่าไรนัก

ผลตอบแทน
เมื่อพิจารณา ROA ROE จะเห็นว่า ROA ของหุ้นนิคมสูงสุดคือ AMATA รองลงมาคือ WHA ROJNA และ TFD ส่วน ROE ส่วนใหญ่อยู่ระดับ 10% ขึ้นไปไม่แย่ ยกเว้น TFD ทีี่แย่ทั้ง ROA และ ROE


โดยสรุปภาพรวมงบของหุ้นนิคมเป็นหุ้นที่พื้นฐานไม่แกร่งเท่าไรนัก เนื่องจากมีหนี้สินในอัตราส่วนที่สูง และงบการเงินไม่สามารถสร้างเงินสดกลับมาให้ผู้ถือหุ้นได้เงินไปจมกับสินค้าคงเหลือเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นข้อแนะนำจึงควรเทรดระยะสั้นมากกว่าการถือหุ้นแบบยาวๆ


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน