หุ้นนิคม AMATA WHA ROJNA TFD เป็นหุ้นที่ตลลาดนิยมเล่นกันต้อนรับกระแส EEC ตลาดเชื่อกันว่าถ้า EEC เกิดขึ้นได้จริงตามแผน นิคมอุตสาหกรรมเหล่านี้จะได้รับประโยชน์ มาดูกันครับว่างบการเงินของใครจะแจ่มน่าลงทุนกว่ากัน
เรื่องหนี้สิน
โครงสร้างหนี้ |
หุ้นนิคมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีสัดส่วนหนี้สินค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 50 ของสินทรัพย์รวม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน TFD น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะมีหนี้สินจำนวนมาก และหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นถ้าจัดการไม่ดีมีโอกาสมีปัญหาทางการเงินได้
ความสามารถในการชำระหนี้หุ้นนิคม |
เมื่อดูความสามารถในการชำระหนี้จะเห็นว่าส่วนใหญ่มีระดับหนี้สิน DE Ratio ที่ค่อนข้างสูง และมีระยะเวลาชำระหนี้ท่ค่อนยาวด้วย โดยมีระยะเวลาคืนหนี้ Payback Period มากกว่า 10 ปี แสดงว่ากระแสเงินสดในแต่ละปีของหุ้นนิคมถ้าเอามาจ่ายหนี้ใช้หนี้จนเหงือกแห้งเลยกว่าจะหมด และที่น่าเป็นห่วงสุดคือ TFD ที่กระแสเงินสดติดลบแสดงว่าไม่มีเงินสดเพียงพอจ่ายหนี้
ในภาพรวมความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มนิคมถือว่าไม่ดีเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมชาติของหุ้นกลุ่มอสังหาอยู่แล้ว
การใช้ประโยชน์สินทรัพย์
โครงสร้างสินทรัพย์และรายได้ |
จะเห็นว่าส่วนหญ่หุ้นนิคมส่วนใหญ่สินทรัพย์จะเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่มีอายุมากกว่า 1 ปี บริษัทที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนมากที่สุดคือ WHA ซึ่งสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนส่วนใหญ่จะเป็นค่าความนิยมจากการเข้าไปซื้อกิจการนิคมเหมราช 17,000 ล้าน เงินเงินลงทุนในกอง Reit และ โรงไฟฟ้า
จากอัตราส่วนหมุนเวียนทรัพย์สิน จะเห็นว่าสินทรัพย์ที่มี 1 บาทจะนำไม่สร้างรายได้ได้ประมาณ 0.2 บาท คนที่แหกโค้งเพื่อนคือ TFD สร้างรายได้ได้แค่ 0.1 บาทน่าเป็นห่วงมาก
วงจรเงินสดหุ้นนิคม |
หุ้นนิคมอุตสาหกรรมก็เหมือนหุ้นอสังหาที่รายได้ส่วนหนึ่งมากจากการขายที่ดินในนิคม ซึ่งถูกบันทึกไว้ในสินค้าคงเหลือในงบการเงิน จะเห็นว่าคนที่ตุนทีี่ไว้เยอะสุดหรือไม่ก็ขายไม่ออกคือ คือ TFD ที่วงจรเงินสดยาวกว่า 3,400 วัน เงินจมในที่หนักมาก รองลงมาคือ AMATA มีวงจรเงินสด 1,229 วัน WHA 870 วัน และ ROJNA ขายไวสุด 326 วัน ต้องของเป็นกำลังใจให้ TFD ว่าจะเป็นอย่างไร ขายที่ไม่ออกซวย
การลงทุนและผลตอบแทนหุ้นนิคม |
จะเห็นว่าหุ้นที่มีการลงทุนสูงในปีที่ผ่านมาคือ AMATA และลงทุนรองลงมาคือ TFD ที่จากอัตราส่วน Reinvestment ratio ที่แสดงการลงทุนในที่ดินอาคารอุปกรณ์เทียบกับค่าเสื่อมมีค่าสูงถึง 8.93 และ 5.07 ตามลำดับ ROJNA มีการลงทุนนิหน่อย และบริษัทที่ไม่ลงทุนคือ WHA เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมาเพื่อการชำระหนี้ที่กู้มาซื้อเหมราช
เมื่อดูผลตอบแทนที่สินทรัพย์สร้างได้ในรูปเงินสด จาก Ratio CFroi จะเห็นว่าส่วนใหญ่สร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 3-6% แต่ที่แย่สุดคือ TFD ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนรูปเงินสดได้เลย
ความสามารถในการทำกำไร
สัดส่วนรายได้และรายได้อื่น |
เมื่อพิจารณาสัดส่วนของรายได้และรายได้อืนจะเห็นว่า บริษัทที่มีรายได้อื่นส่วนใหญ่จะเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนค่อนข้างเยอะคือ WHA และ TFD สัดส่วนรองลงมาคือ AMATA และ ROJNA
ดูความสามารถในการทำกำไรกันบ้าง คนที่กำไรขั้นต้นดีสุดคือ AMATA รองลงมาคือ WHA TFD ต่ำสุดคือ ROJNA แต่คนที่มีปัญหามากสุดคือ TFD ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกว่า 32% ของยอดขายทำให้ขาดทุนตั้งแต่กำไรดำเนินงานยังไม่ทันได้หักดอกเบี้ยและภาษี ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก TFD
อัตรากำไรและคุณภาพกำไร |
ในส่วนของคุณภาพกำไรส่วนใหญ่มีค่าต่ำกว่า 1 แสดงว่าบริษัทนิคืมส่วนใหญ่มีกำไรแต่ไม่ค่อยมีกระแสเงินสดเท่าไรนัก บริษัทที่คุณภาพกำไรต่ำกว่า 1 ไม่ค่อยเหมาะถือยาวเท่าไรนัก
ผลตอบแทน |
โดยสรุปภาพรวมงบของหุ้นนิคมเป็นหุ้นที่พื้นฐานไม่แกร่งเท่าไรนัก เนื่องจากมีหนี้สินในอัตราส่วนที่สูง และงบการเงินไม่สามารถสร้างเงินสดกลับมาให้ผู้ถือหุ้นได้เงินไปจมกับสินค้าคงเหลือเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นข้อแนะนำจึงควรเทรดระยะสั้นมากกว่าการถือหุ้นแบบยาวๆ
ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน
ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.htmlหรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023