การลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน เราต้องการหาหุ้นที่ดีและราคาเหมาะสม การประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PE เป็นวิธีการประเมินมูลค่าที่ง่ายและรวดเร็ววิธีหนึ่ง บทความนี้เป็นการแจกตาราง excel ที่ช่วยประมาณการราคาเหมาะสมอย่างง่าย ด้วย PE ratio สามารถจิ้มตัวเลขบนเว็ปได้เลย หรือจะโหลดเป็นตาราง excel ก็จิ้มเบาๆตรงมุมขวาล่างได้ครับผม โดยแยกเป็นการประมาณการณ์ได้ 5 วิธี โดยจะใช้วิธีไหนก็ได้ ข้อสำคัญไม่ได้อยู่ที่วิธีการคำนวณว่าต้องซับซ้อนสมมติฐานเยอะ แต่อยู่ที่สมมติฐานของตัวเลขที่เอามาใส่ตารางว่ามีตรรกะหรือไม่ดังนี้
1.ประมาณการราคาเหมาะสมจากการเติบโต
ถ้าเรารู้กำไรปีนี้ และพอเดาได้ว่าปีต่อๆไปกำไรจะโตเท่าไร โดยให้เหตุผลจาก การเติบโตในอดีต ทิศทางอุตสาหกรรม ลอกนักวิเคราะห์ ฯลฯ
เริ่มจากกำหนดกำไรต่อหุ้นในปีปัจจุบัน แล้วประมาณการกำไรต่อหุ้นในปีหน้าโดยใส่ตัวเลขการเติบโตตารางจะคูณให้เอง ปีต่อๆไปสามาถกำหนดการเติบโตแยกได้
ได้กำไรต่อหุ้นปีต่อไป จับคูณ PE ที่กำหนดไว้จะได้ราคาที่เหมาะสม
2.ประมาณการราคาเหมาะสมจากการเติบโตของยอดขาย
เริ่มต้นจากเดาแบบมีหลักการว่ายอดขายในแต่ละปีว่าจะโตเท่าไร จับคูณอัตรากำไรจะได้กำไร จับหารจำนวนหุ้นจะได้กำไรต่อหุ้น นำกำไรต่อหุ้นมาคูณ PE จะได้ราคาที่เหมาะสม
3.ประมาณการช่วงของ PE ที่เหมาะสม
ราคาหุ้นมักจะวิ่งอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้ ไปอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความของ อ.สรรพงษ์ การหา-pe-ที่เหมาะสมทางทฤษฎีเพื่อกำหนดกรอบราคาในการลงทุน แบ่งเป็นกรอบบนและกรอบล่าง
กรอบบน PE ไม่ควรเกิน การเติบโต หรือ PEG=1
กรอบล่าง PE คำนวณจาก PE=อัตราจ่ายปันผลต่อกำไร /k - g ประมาณการด้วย อัตราจ่ายปันผลต่อกำไร / riskfree + beta หรือตีความง่ายๆคือ PE ที่เหมาะสมเป็น PE ที่ที่ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเงินปันผลเท่ากับ riskfree + beta
riskfree จะใช้ผลตอบแทนพันธบัตร 1 ปี beta และ ราจ่ายปันผลต่อกำไร หาได้ที่ fact sheet
4.หา forward PE
เป็นการมองว่าถ้ากำไรโต PE ในอนาคตจะเหลือเท่าไร สมมติว่าถ้ากำไรโตไปเรื่อยๆ อีก 3 ปี ถ้าซื้อที่ราคานี้ PE จะเหลือ 5 เท่าถ้ามองว่า PE ที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้นอยู่ที่ 10 เท่า แสดงว่า 3 ปีจะมี อัพไซต์ 100% หรือเฉลี่ยปีละ 26% ทบต้น
ตารางสามารถประมาณการเป็นกำไรต่อหุ้น หรือมูลค่าตลาดก็ได้
5.มูลค่าตลาดขนาดนี้ต้องทำกำไรเท่าไร
เทคนิคนี้ถ้าเราไม่รู้อะไรเลย เป็นคล้ายๆบริษัทเปล่า เราอยากรู้ว่าต้องทำกำไรเท่าไรจึงคุ้ม
สมมติบริษัทมีมูลค่าตลาด 1500 ล้านถ้า ถ้า PE เหมาะสมอยู่ที่ 15 เท่า แสดงว่าต้องทำกำไร 100 ล้าน แล้วก็มาดูว่าบริษัททำกำไรได้เท่าไรสมมติ 50 ล้าน แสดงว่าบริษัทต้องทำกำไรเติบโตปีละ 26% ทบต้น แล้วค่อยมาดูว่าบริษัทมีสักยภาพทำกำไรได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ซื้อจบ
6.ประมาณการกำไรแบบ Advanc
สำหรับคนที่อยากใส่สมการให้ซับซ้อนขึ้น ผมก็ทำตารางเพิ่มเติมให้ครับผม
ยอดขายปีหน้า = ยอดขายปีนี้ x (1+การเติบโต) , ให้โตเท่าไรประมาณการด้วยสมมติฐานของใครของมัน
ต้นทุนขาย = ยอดขาย x (1-GPM) , GPM คืออัตรากำไรขั้นต้น
กำไรขั้นต้น = ยอดขาย x GPM
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร = ค่าใช้จ่ายขายบริหารปีที่แล้ว x การเติบโตของค่าใช้จ่าย, ปรับตัวเลขได้ตามใจชอบ
กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี = กำไรขั้นต้น - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ต้นทุนทางการเงิน(ดอกเบี้ย) = ต้นทุนทางการเงินปีที่แล้ว x การเติบโตของยอดขาย, ให้โตเท่ากับยอดขายเพราะว่าถ้าบริษัทโต น่าจะ กู้เงินเพิ่มในอัตราส่วนเดียวกันเพื่อรักษา DE ratio ให้คงที่
กำไรก่อนภาษี = กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี - ต้นทุนทางการเงิน
ภาษี = กำไรก่อนภาษี x 0.2, ภาษี 20%
กำไรสุทธิ = กำไรก่อนภาษี - ภาษี
กำไรต่อหุ้น = กำไรสุทธิ / จำนวนหุ้น
ราคาเป้าหมาย = กำไรต่อหุ้น x PE
คำแนะนำแบ่งเป็น 3 ช่วง ถ้าราคาเป้าหมาย > ราคาตลาดให้ซื้อ, ราคาเป้าหมายเท่ากับราคาตลาดให้ถือ, ราคาเป้าหมายน้อยกว่าราคาตลาดให้ขาย
บทความนี้ก็จะเป็นการนำเสนอเครื่องมือที่ช่วยให้การประเมินมูลค่าที่เหมาะสมง่ายขึ้นครับ