![investidea สอนเล่นหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน](http://4.bp.blogspot.com/-A_2sXrnPwY8/V01dNSLPE8I/AAAAAAAAGSU/xBdmnnxyl4sYNhL9mphWMsIZvvQIbo3bQCK4B/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%259A.png)
หลักสูตรสอนเล่นหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐานสไตร์ VI สอนหุ้นกลุ่มเล็ก ตอบทุกปัญหาการลงทุน
เจาะลึกหุ้นอย่างเซียนเห็นผล 100% สไตร์ อ.ภัทรธร
**สอบถามรายละเอียดและตารางอบรมที่ (รับจำนวนจำกัด)
**ดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่นี่ CLICK
วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556
การใช้อัตราส่วนราคาต่อยอดขาย(P/S ratio) ในการหาหุ้น
อัตราส่วน ราคาต่อยอดขาย(P/S ratio) สามารถคำนวณได้ง่ายๆครับ คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด/ยอดขาย อัตราส่วนนี้ยิ่งต่ำยิ่งดี
ส่วนใหญ่หุ้นที่มีอัตรากำไรสุทธิต่ำ(net profit margin) ต่ำ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด จะต่ำกว่า ยอดขาย ทำให้ ราคาต่อยอดขาย(P/S ratio) ต่ำ
หุ้นที่ผิดปกติ (อาจจะ under value) คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ต่ำกว่า ยอดขายมากๆ แต่มี npm สูง ส่วนจะมากเท่าไหร่ อาจจะต้องใช้ skill คับ
หน้าที่แมวมองคือ หาพวกที่ผิดปกติ หรือกำลังจะผิดปกติ คือ npm กำลังจะดีขึ้น
โดยที่ p/s ยังต่ำ1เยอะๆอยู่ ใช้กรองหุ้นคร่าว แทน pe ได้ดีพอสมควรคับ
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556
หุ้นขึ้นแต่เราไม่ได้ซื้อ(ตกรถ)ควรทำอย่างไร
By pak ThaiVI [1]
ถ้าเรารู้ใน 3 ข้อหลักๆ ว่า...
- เราอยู่ที่ไหน?
- และเราจะไปไหน?
- และรถเมล์แต่ละคันมีเส้นทางการเ
ดินทางอย่างไร?
ผมคือคนที่นั่งอยู่ "บนรถ" ครับ และภาพที่ผมเห็นจนชินตา คือ...
"บางครั้ง...ผู้คนมากมายแย่งยื้
มีบ้างครับ...ที่ผมเห็นคน "รีๆรอๆด้อมๆมองๆ" จะขึ้นรถ...แต่ก็ไม่ขึ้น เพราะเค้าไม่แน่ใจครับ ว่าปลายทางของรถที่ผมนั่งอยู่จะ
มีบ้างครับ...ที่ผมเห็นคนขึ้นๆล
แต่บนรถที่ผมนั่ง มันก็ไม่ได้มีแต่สิ่งที่ผมต้องก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXV517ubx9Oyg7iQTUrOLB84ku7cnsdUfH2Vyyn5YBWW8Cj-yuseLyzJzHG3yzzL3azPaTu_fnamYQrCGY8n_18TQjEj-fOTewSgIA2gFmCaAOjWAu2jviLk7yQvfKpoEJIn5Afq_H9ZY_/s400/580487_322329054550027_281792463_n.jpg)
ผู้โดยสารหลายท่าน ขึ้นมาบนรถ เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แล้วก็จากกันไป บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเพื่อนเยอ
คำว่า "ตกรถ" สำหรับผมแล้ว...มันไม่ใช่ที่สิ่
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า "เราตกรถ!!!"
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า "เราอยู่บนรถ" หรือ "เรายังไม่ได้ขึ้นรถ!!!"
ปัญหาที่แท้จริง คือ เรารู้จัก "รถแต่ละคัน" ดีเพียงพอหรือยัง?
...ก็เท่านั้นเองครับ
pak
(^_^)
![]() |
ภาพตัวอย่างคนตกรถ |
ที่มา[1] https://www.facebook.com/photo.php?fbid=322329054550027&set=a.110646835718251.13779.100003188061122&type=1
วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556
การเล่นหุ้นกับการเล่นเกมส์
บทความของคุณ คิม พ่อหมูน้อย โพสไว้ใน facebook[1] เปรียบเทียบการเล่นหุ้นกับเกมส์ต่างๆ ไว้น่าสนใจครับครับ เล่นเกมส์ เล่นไพ่ เตะบอล รวมไปถึงธรรมมะ เชิญอ่านโดยพลัน
ผมมีงานอดิเรกส่วนตัวหลายอย่าง แต่ล่ะอย่างให้ความสุขได้ทั้งนั้น วันก่อนว่าเรื่องเลี้ยงปลา, ปลูกผัก, ท่องเที่ยวและจีบสาวไป วันนี้เรามาว่างานอื่นที่สนุกเช่นกันให้ฟัง
การเล่นหุ้นก็เหมือนการเล่นเกมส์
เกมส์ทุกเกมส์ก็ซ้ำเดิม ๆ ตลอด เป้าหมายคือชนะ หากเราเล่นบ่อยเราก็รู้แนวทาง แต่หากเราไม่ค่อยจะเล่นหรือไม่ใส่ใจ เล่นยังงัยก็แพ้แน่นอน หุ้นก็ไม่ต่างกัน มีแค่ไม่ขึ้นก็ลง ถ้าไม่ขึ้นหรือไม่ลงก็แค่ลากข้าง และก็หมุนเวียนไปเช่นนี้เสมอ เพียงแต่เรารู้จังหวะ เราก็ชนะได้อย่างไม่ยากนักการเล่นหุ้นก็เหมือนการเล่นไพ่โป๊กเกอร์
เกมส์ไหนที่เราชนะได้เราก็สู้สิเกมส์ไหนดูโอกาสชนะมีน้อย เราก็ชิงไม่เล่น และหากเราเล่นไปได้ครึ่งทางรู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ก็ชิงยอมแพ้แต่เนิ่น ๆ เสียดีกว่า ในขณะเดียวกันแม้มั่นใจมาก หากเกิดแพ้ขึ้นมาก็ยอมรับว่าแพ้ แล้วก็เริ่มเกมส์ใหม่โดยไม่ติดใจเกมส์เดิมการเล่นหุ้นก็เหมือนดูฟุตบอล
นักกีฬาเก่ง ๆ ต้องอ่านดักทางไว้ข้างหน้าแล้วเล่นไปตามเกมส์แค่นี้ก็ไม่เหนื่อย แต่ถ้าเล่นเอาแต่วิ่งไล่ลูกบอล นอกจากเหนื่อย, ไม่ได้บอล ดีไม่ดีอาจหกล้มแผลถลอก งั้นเราก็แค่มอง ๆ วิ่งไปในทางที่มันจะมา ถ้ามาถึงจริง ก็เล่นเต็มที่เลย แค่นั้นก็จบ พอบอลออกขาไป ก็รอโอกาศต่อไป ดูว่าเมื่อไรมันจะมาอีก ก็เท่านั้นเองการเล่นหุ้นที่ดีก็ต้องมีการอ่านหนังสือเยอะ ๆ หนังสือตำรากับหุ้นผมมีเยอะไม่น้อยกว่าหนังสือธรรมะ เมื่ออ่านเยอะรู้เยอะเราก็ประยุกต์ให้เข้ากับแนวทางของเรา อันไหนแข็งไปก็ปรับลง อันไหนอ่อนไปก็เสริมหน่อย ส่วนหนังสือธรรมะก็สอนให้เราไม่โลภเกินไป ไม่หลงเกินเหตุ และมองทุกอย่างเป็นสิ่งไม่เที่ยง เมื่อไม่โลภมาก กำไรเท่าไรก็เอา แล้วมันจะขาดทุนได้บ่อยสักแค่ไหน ไม่หลงเกินเหตุทำให้มีเวลาส่วนตัว แค่ด้อม ๆ มอง ๆ ติดตามบ้างก็เหลือเฟือ และทุกสิ่งไม่เที่ยง มันมีขึ้นมีลง และก็มีสวนทางความคิดด้วย จึงไม่ซีเรียสอะไรกับมัน
แม้ว่าผมจะชอบทำบุญสารพัดวิธี แต่ผมไม่ค่อยจะทำบุญโดยการยอมเล่นแพ้เพื่อให้ผู้อื่นได้สตางค์ผมหรอก จึงมีน้อยคนนักที่จะได้กินตังค์ผม เงินผมหามาด้วยยากลำบาก หมูน้อยตัวเล็ก ๆ ร้องขอขนมทุกวัน หากไม่สุดวิสัย ผมคงไม่ทำบุญด้วยเงินค่าขนมของหมูน้อยในตลาดหลักทรัพย์ หวังว่าเพื่อน ๆ คงไม่ว่ากันน่ะคร๊าบ ^^
[1]https://www.facebook.com/groups/modmao/permalink/248957568568492/
วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556
ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายคืออะไร
ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขาย เป็นการวัดประสิทธิภาพต้นทุนในก ารดำเนินงานของภาคธุรกิจและอุตส าหกรรม โดยอาศัยการเทียบสัดส่วนของต้นท ุนในการเคลื่อนย้าย การกระจายสินค้า และการจัดเก็บดูแลสินค้าที่สิ้น เปลืองไปหรือหมดไปเป็นเปอร์เซ็น ร้อยละของมูลค่าของสินค้าทั้งหม ดที่จัดจำหน่ายหรือขาย เป็นรายได้ของธุรกิจหรืออุตสาหก รรม.
โดยเปอร์เซ็นร้อยละของต้นทุนโลจ ิสติกส์ต่อยอดขาย ถ้ามีตัวเลขเปอร์เซ็นที่สูงแสดงถึงประสิทธิภาพของระบบ โลจิสติกส์ที่ไม่ดี หรือระบบการบริหารจัดการที่ขาดป ระสิทธิภาพ มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง มีค่าใช้จ่ายในการดูแลจัดเก็บสิ นค้าหรือสต๊อกสินค้าสูง ทำให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมมีกำไ รน้อยลง สูญเสียความสามารถในการแข่งขันเ นื่องจากผลิตภัณฑ์หรือสินค้ามีต ้นทุนที่สูง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจ ได้ในที่สุด
ที่มา พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล, "อาหารโลจิสติกส์ 001/2556" https://www.facebook.com/Dr.Pongchai/posts/580301828651780
โดยเปอร์เซ็นร้อยละของต้นทุนโลจ
ที่มา พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล, "อาหารโลจิสติกส์ 001/2556" https://www.facebook.com/Dr.Pongchai/posts/580301828651780
ป้ายกำกับ:
การอ่านงบการเงิน
,
ทำธุรกิจ
,
อาหารโลจิสติกส์
วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556
โครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนไป ใครได้ประโยชน์
จะเป็นนักลงทุนต้องมองยาวๆครับ มอง trend เศรษฐกิจให้ออกมาดูมุมมองเรื่องเรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจของของคุณ ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ เซียนหุ้น[1] VI อธิบายได้ดีครับดังนี้
"ประเทศไทยมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล คือ พึงพิงการส่งออกในสัดส่วนที่สูงมาก ทำให้มีความผันผวนและขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมากเกินไป เมื่อประเทศใหญ่ๆของโลกมีปัญหา ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจของเรามาก เราต้องสร้างการบริโภคภายในประเทศให้สูงขึ้น เพื่อเป็นกันชนเมื่อสภาพเศรษฐกิจโลกมีปัญหา
ในขณะที่เราก็ต้องถามว่า ค่าแรงที่ต่ำนั้นเป็นรายได้ที่เพียงพอให้แรงงานใช้ดำเนินชีวิตที่เหมาะสมได้หรือไม่
เรายอมให้คนไทยทำงานหนัก แต่ได้รายได้น้อย คุณภาพชีวิตแย่ เพียงเพื่อจะได้มีต้นทุนในการผลิตสินค้าที่ต่ำ ขายสินค้าให้ต่างชาติในราคาถูกๆ ให้ชาวต่างชาติเอาเปรียบเราหรือ
ประเทศไทยมีทางเลือกมากมาย เราคงอุ้มทุกคนไม่ไหว อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานก็ควรที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีค่าแรงถูกอยู่"
ในขณะที่เราก็ต้องถามว่า ค่าแรงที่ต่ำนั้นเป็นรายได้ที่เพียงพอให้แรงงานใช้ดำเนินชีวิตที่เหมาะสมได้หรือไม่
เรายอมให้คนไทยทำงานหนัก แต่ได้รายได้น้อย คุณภาพชีวิตแย่ เพียงเพื่อจะได้มีต้นทุนในการผลิตสินค้าที่ต่ำ ขายสินค้าให้ต่างชาติในราคาถูกๆ ให้ชาวต่างชาติเอาเปรียบเราหรือ
ประเทศไทยมีทางเลือกมากมาย เราคงอุ้มทุกคนไม่ไหว อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานก็ควรที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีค่าแรงถูกอยู่"
การ
ขายสินค้าให้ง่ายๆ ด้วยวิธีง่ายๆ ก็คือ ขายถูกๆ ไม่ต้องคิดอะไรใหม่
ไม่ต้องปรับปรุงพัฒนาอะไร แล้วทำอย่างไรให้ขายถูกๆแล้วยังมีกำไร
ผม คิดว่าอุตสาหกรรมเหล่านั้นไม่ช้าไม่นาน ถ้าไม่มีการปรับตัวก็ต้องเลิกกิจการอยู่ดี เพราะค่าแรงประเทศเพื่อนบ้านถูกกว่ามาก หลายบริษัทก็ปรับตัวย้ายโรงงานไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านหมดแล้ว"
- วิธีแรกสำหรับสินค้าส่งออกก็คือ กดค่าเงินบาทให้ต่ำๆ ยิ่งต่ำยิ่งได้กำไรเพิ่มแบบไม่ต้องทำอะไร
- อีกวิธี คือ ลดต้นทุนค่าแรง กดค่าแรงให้ต่ำๆ ไม่ต้องพัฒนากระบวนการผลิต ไม่ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ต้องพัฒนาฝีมือแรงงาน
ผม คิดว่าอุตสาหกรรมเหล่านั้นไม่ช้าไม่นาน ถ้าไม่มีการปรับตัวก็ต้องเลิกกิจการอยู่ดี เพราะค่าแรงประเทศเพื่อนบ้านถูกกว่ามาก หลายบริษัทก็ปรับตัวย้ายโรงงานไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านหมดแล้ว"
ซึ่งก็สอดคล้องกับที่คุณ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.การคลัง
ได้ให้มุมมองไว้ในรายการอะไรก็ไม่รู้ดูตอนปีใหม่ที่ผ่านมา
ว่า"โครงสร้างเศรษฐกิจไทยตอนนี้พึ่งพิงการส่งออกมากถึง 70%
มาจากภายในประเทศเพียง 30% ดังนั้นแนวนโยบายต่อไปก็จะมุ่งเน้นเสริมการบริโภคในประเทศมากขึ้น สัดส่วนในอนาคตจะพลิกจากเป็นพึ่งพิงภายนอก 30% และจากภายใน 70%
โดยภาคการส่งออก น่าจะพลิกไปผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จะได้จ้างงานคนไทยได้ค่าแรงสูงขึ้น"
ถ้าสรุปนโยบายต่างเป็นภาพ ได้ดังนี้ครับ
![]() |
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของรัฐบาล |
ขยาย ความก็คือ รัฐกระตุ้น ศก. โดย ทำให้ consumption(C) การบริโภค, investment(I) การลงทุน และ Goverment spending(G) การใช้จ่ายภาครัฐ เพิ่ม ซึ่ง C, I, G ส่วนหนึ่งของ GDP ถ้าตัวแปรเหล่านี้เพิ่ม GDP
ถ้าการบริโภคในประเทศเพิ่มแล้ว กลุ่มใหน่ที่น่าลงทุน
คุณ DeerFreeDom [2]ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า
"เงิน
กำลังจะหมุนไป หมุนไปต่างจังหวัด นโยบายของรัฐบาล
เป็นนโยบายที่เน้นไปที่การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ของคนต่างจังหวัด
ถ้าสามารถปลุก Demand ของคนต่างจังหวัดขึ้นมาได้ GDP ไทยจะโตอีกเยอะ
สัง เกตุไหม หุ้นค้าปลีก 3-4 ปีที่ผ่านมาขึ้นมา 1,000% ได้อย่างไร เพราะธุรกิจพวกนี้เขาเน้นขยายสาขาไปยึดทำเลงามๆๆ ต่างจังหวัดหมดแล้ว ธุรกิจอสังหาใหญ่ๆๆ เช่น SIRI ตอนนี้รายได้หลักมาจากต่างจังหวัดแล้ว"
สัง เกตุไหม หุ้นค้าปลีก 3-4 ปีที่ผ่านมาขึ้นมา 1,000% ได้อย่างไร เพราะธุรกิจพวกนี้เขาเน้นขยายสาขาไปยึดทำเลงามๆๆ ต่างจังหวัดหมดแล้ว ธุรกิจอสังหาใหญ่ๆๆ เช่น SIRI ตอนนี้รายได้หลักมาจากต่างจังหวัดแล้ว"
สรุปว่าทำมาหากินในไทยดีสุดแระ หุ้นส่งออกคงแย่หน่อย เจริญในการลงทุนนะครับ
ที่มา
[1]https://www.facebook.com/DeerFreeDom/posts/2681602775930
[2]https://www.facebook.com/DeerFreeDom/posts/107327592776149
วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556
Magic formula กับหาหุ้นเด็ด ประจำปี 2556
แนวคิด Magic formula นี้ถูกนำเสนอในหนังสือชื่อ คัมภีร์สุดยอดนักลงทุน
(The little book that beats the market)
สูตรมหัศจรรย์เพื่อชัยชนะและความมั่งคั่ง ผู้เขียน Joel Greenblatt (โจเอล
กรีนแบลตต์) ผู้แปล ชานันท์ อารีย์วัฒนานนท์
สูตรนี้เป็นการลงทุนโดยอาศัยตัวกรองคือผลตอบแทนจากการลงทุนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นตัวแทนของหุ้นดี และค่า PE เป็นตัวแทนของหุ้นถูก นำมาคำนวณเป็น Magic formula ซึ่งเราก็ไม่ต้องคำนวณเองครับเว็ป siamchart.com/stock/ เขาทำให้เรียบร้อย หัวตาราง magic 1 (PE กับ ROE) เีรียงจากน้อยไปมากเลือกมา 30 อันดับแรก
สำหรับการลงทุนด้วยสูตรนี้เขาว่ามีข้อดีคือ
สำหรับผลตอบแทนในปี 2555 ที่เคยทดลองกรองหุ้นด้วย Magic formula รายชื่อตามลิงค์นี้ ผ่านไป 1 ปีได้ผลตอบแทนดังนี้ครับ
สำหรับการลงทุนแบบสิ้นคิดผมว่าได้ผลตอบแทนดีเลยทีเดียว ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบไม่ถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 36.64% ส่วนผลตอบแทนแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาอยู่ที่ 9.64% มาตกม้าตายที่ banpu ติดลบไปเยอะมัก
สำหรับรายชื่อหุ้นเด็ดปี 2556 โดยอ. Joel Greenblatt กรองโดยเว็ป siamchart เหมือนเดิมปีหน้าจะหมู่หรือจ่าเดี๋ยวปีหน้ามาลุ้นกันครับ
สูตรนี้เป็นการลงทุนโดยอาศัยตัวกรองคือผลตอบแทนจากการลงทุนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นตัวแทนของหุ้นดี และค่า PE เป็นตัวแทนของหุ้นถูก นำมาคำนวณเป็น Magic formula ซึ่งเราก็ไม่ต้องคำนวณเองครับเว็ป siamchart.com/stock/ เขาทำให้เรียบร้อย หัวตาราง magic 1 (PE กับ ROE) เีรียงจากน้อยไปมากเลือกมา 30 อันดับแรก
สำหรับการลงทุนด้วยสูตรนี้เขาว่ามีข้อดีคือ
- จะได้หุ้นที่ราคาถูก(PE ต่ำ) และหุ้นดี (ROE สูง)
- มีการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายๆตัว เพราะเลือกมาตั้ง 30 ตัว
สำหรับผลตอบแทนในปี 2555 ที่เคยทดลองกรองหุ้นด้วย Magic formula รายชื่อตามลิงค์นี้ ผ่านไป 1 ปีได้ผลตอบแทนดังนี้ครับ
No | Name | Price 2/1/2555 | Price 2/1/2556 | return % | Weigh | Weighted Return% |
1
|
WIN | 0.36 | 0.83 | 130.56 | 0.00 | 0.04 |
2 | TGPRO | 0.2 | 0.6 | 200.00 | 0.00 | 0.04 |
3 | GRAND | 1.14 | 1.38 | 21.05 | 0.00 | 0.02 |
4 | ACAP | 7 | 6.95 | -0.71 | 0.01 | 0.00 |
5 | EVER | 0.65 | 0.72 | 10.77 | 0.00 | 0.01 |
6 | PTL | 14.9 | 14.4 | -3.36 | 0.01 | -0.05 |
7 | BLISS | 0.04 | 0.04 | 0.00 | 0.00 | 0.00 |
8 | AJ | 14.2 | 15.9 | 11.97 | 0.01 | 0.16 |
9 | ASIMAR | 1.54 | 2.24 | 45.45 | 0.00 | 0.07 |
10 | PT | 3.12 | 6.4 | 105.13 | 0.00 | 0.31 |
11 | SENA | 2.28 | 3.32 | 45.61 | 0.00 | 0.10 |
13 | MCS | 8.8 | 6.4 | -27.27 | 0.01 | -0.23 |
12 | RASA | 1.81 | 1.6 | -11.60 | 0.00 | -0.02 |
14 | SST | 9.9 | 13.3 | 34.34 | 0.01 | 0.32 |
15 | BFIT | 6.8 | 6.05 | -11.03 | 0.01 | -0.07 |
16 | IVL | 29.25 | 26.25 | -10.26 | 0.03 | -0.29 |
17 | NOBLE | 5.6 | 6.15 | 9.82 | 0.01 | 0.05 |
18 | PHATRA | 28.75 | 30.64 | 6.57 | 0.03 | 0.18 |
19 | FORTH | 3.52 | 3.72 | 5.68 | 0.00 | 0.02 |
20 | SGP | 14 | 14.1 | 0.71 | 0.01 | 0.01 |
21 | GL | 24 | 73.25 | 205.21 | 0.02 | 4.70 |
22 | SMK | 219 | 347 | 58.45 | 0.21 | 12.21 |
23 | BCP | 18.9 | 31.5 | 66.67 | 0.02 | 1.20 |
24 | AIT | 47.25 | 58.75 | 24.34 | 0.05 | 1.10 |
25 | QLT | 6.55 | 10.1 | 54.20 | 0.01 | 0.34 |
26 | KCAR | 9 | 16.4 | 82.22 | 0.01 | 0.71 |
27 | BANPU | 546 | 422 | -22.71 | 0.52 | -11.83 |
28 | TKS | 6.1 | 6.75 | 10.66 | 0.01 | 0.06 |
29 | SPALI | 14.3 | 18.4 | 28.67 | 0.01 | 0.39 |
30 | SVI | 3.2 | 4.1 | 28.13 | 0.00 | 0.09 |
total | 1048.16 | average | 36.64 | 1.00 | 9.64 |
สำหรับการลงทุนแบบสิ้นคิดผมว่าได้ผลตอบแทนดีเลยทีเดียว ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบไม่ถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 36.64% ส่วนผลตอบแทนแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาอยู่ที่ 9.64% มาตกม้าตายที่ banpu ติดลบไปเยอะมัก
![]() |
เฮีย Joel Greenblatt จำหน้าไว้ให้ดีๆ |
สำหรับรายชื่อหุ้นเด็ดปี 2556 โดยอ. Joel Greenblatt กรองโดยเว็ป siamchart เหมือนเดิมปีหน้าจะหมู่หรือจ่าเดี๋ยวปีหน้ามาลุ้นกันครับ
No. | Name | Price | P/E | ROE% |
1 | AAV | 5.35 | 1.68 | 113.59 |
2 | NIPPON | 3.5 | 2.87 | 66.5 |
3 | N-PARK | 0.06 | 6 | 105.79 |
4 | NEP | 1.07 | 4.46 | 44.31 |
5 | MDX | 7.05 | 6.08 | 46.23 |
6 | FOCUS | 3.64 | 6.39 | 54.56 |
7 | UMI | 7.85 | 5.9 | 43.62 |
8 | TMW | 45 | 4.33 | 37.24 |
9 | BROOK | 2.82 | 7.42 | 45.54 |
10 | SF | 7.1 | 5.11 | 34.65 |
11 | TTL | 80 | 2.56 | 30.96 |
12 | KBS | 10.6 | 5.64 | 33.64 |
13 | UVAN | 95.25 | 8.1 | 41.73 |
14 | CFRESH | 10 | 8.33 | 36.2 |
15 | YUASA | 10.7 | 8.99 | 44.32 |
16 | TRC | 7.5 | 8.52 | 36.35 |
17 | ACAP | 6.95 | 4.09 | 24.52 |
18 | QLT | 10.1 | 9.35 | 36.58 |
19 | IFEC | 2.66 | 6.82 | 25.52 |
20 | SCP | 52.5 | 9.01 | 31.82 |
21 | LANNA | 23.4 | 8.54 | 27.42 |
22 | KMC | 0.45 | 6.43 | 23.67 |
23 | SRICHA | 39 | 10.8 | 55.46 |
24 | CCP | 6.5 | 10.83 | 57.48 |
25 | TWFP | 170 | 7.01 | 22.49 |
26 | INTUCH | 69.5 | 11.56 | 97.31 |
27 | AIT | 58.75 | 10.4 | 30.01 |
28 | TCCC | 22 | 9.44 | 24.66 |
29 | SPPT | 3.92 | 7.69 | 20.66 |
30 | UPOIC | 11.3 | 10.97 | 30.71 |
วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556
akr จะอยู่หรือไป
akr โดยธุรกิจเดิมเป็นผู้นำเรื่องหม้อแปลงครับ ยอดขายหม้อแปลงอาจดีกว่า qtc trt ด้วยซ้ำ (จุดเด่นที่ connection) ถ้าอยากรู้ว่าดีอย่างไรไปดูที่งบเฉพาะกิจการครับไม่เคยขาดทุน
ทีนี้เขาอยากโตก็ระดมทุนเข้าตลาดโม้ว่าจะมาทำโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลครับ ภายใต้บริษัทย่อยที่ชื่อว่า เอกรัฐโซล่าร์ จำกัด
ทำไปซักพักแข่งขันกับผู้ผลิตจากจีนก็ไม่ได้ รัฐก็ไม่สนับสนุน ตอนนี้ปัญหาคือโรงงานของบริษัทย่อยเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้ และมีหนี้ให้ปวดหัวเล่นที่ 1,320 ล้าน เมื่อ 31 มีนาคมปีที่แล้วปรับโครงสร้างหนี้ไป 1320 ล้านมีเงื่อนไขดังนี้
ตอนนี้ปัญหาคือ 300 ล้านต้องจ่ายภายในเดือน มีนาคม 2556 ยังเร่ขายไม่ออกเบย
ถ้าไม่เอาออกตอนนี้บริษัทแม่ต้องเอาเงินไปเลี้ยงบริษัทย่อยๆผ่านรายการเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย ประมาณ q ละ 20 ล้าน เพื่อเอาไปจ่ายดอกเบี้ย และค่าดำเนินการนิดหน่อยๆครับ
ที่น่าสนใจคือปีที่แล้วบริษัทได้ล้างขาดทุนสะสมโดยการลดทุน + นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้าง ทำให้ตอนนี้งบเฉพาะกิจการไม่มีขายทุนสะสมพร้อมจ่ายปันผล หรือเพิ่มทุนในกรณีเลวร้ายที่สุดครับ
สรุปว่าช่วงปี 2556 นี้ เป็น shot วัดใจครับว่าหวยจะออกแนวทางไหน โดยสรุปจะมีอยู่ 3 แนวทาง ที่จะปลดล็อคได้ คือ
![]() |
หม้อแปลงของ akr |
ทีนี้เขาอยากโตก็ระดมทุนเข้าตลาดโม้ว่าจะมาทำโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลครับ ภายใต้บริษัทย่อยที่ชื่อว่า เอกรัฐโซล่าร์ จำกัด
ทำไปซักพักแข่งขันกับผู้ผลิตจากจีนก็ไม่ได้ รัฐก็ไม่สนับสนุน ตอนนี้ปัญหาคือโรงงานของบริษัทย่อยเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้ และมีหนี้ให้ปวดหัวเล่นที่ 1,320 ล้าน เมื่อ 31 มีนาคมปีที่แล้วปรับโครงสร้างหนี้ไป 1320 ล้านมีเงื่อนไขดังนี้
- 500 ล้านยกให้ ถ้าจ่าย 2 - 3 หมด
- 500 ล้านแบ่งจ่าย 7 ปี
- 300 ล้านขายโรงงานบริษัทย่อยมาใช้หนี้
ตอนนี้ปัญหาคือ 300 ล้านต้องจ่ายภายในเดือน มีนาคม 2556 ยังเร่ขายไม่ออกเบย
ถ้าไม่เอาออกตอนนี้บริษัทแม่ต้องเอาเงินไปเลี้ยงบริษัทย่อยๆผ่านรายการเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย ประมาณ q ละ 20 ล้าน เพื่อเอาไปจ่ายดอกเบี้ย และค่าดำเนินการนิดหน่อยๆครับ
ที่น่าสนใจคือปีที่แล้วบริษัทได้ล้างขาดทุนสะสมโดยการลดทุน + นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้าง ทำให้ตอนนี้งบเฉพาะกิจการไม่มีขายทุนสะสมพร้อมจ่ายปันผล หรือเพิ่มทุนในกรณีเลวร้ายที่สุดครับ
สรุปว่าช่วงปี 2556 นี้ เป็น shot วัดใจครับว่าหวยจะออกแนวทางไหน โดยสรุปจะมีอยู่ 3 แนวทาง ที่จะปลดล็อคได้ คือ
- ขาย เอกรัฐโซล่าร์ ให้ได้(หากรัฐบาลมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่ชัดเจน โอกาสขายได้ก็มี)
ผลกระทบ - ถ้าหากผู้ซื้อ ซื้อหุ้นทั้งหมดของ เอกรัฐโซล่าร์ งบการเงินก็จะแสดงแต่งบของ เอกรัฐวิศวกรรม เท่านั้น ซึ่งงบกำไรขาดทุน ก็จะดีขึ้นทันที ,เงินลงทุนในบริษัทย่อย ที่เคยตั้งด้อยค่าไว้ก็จะถูกบวกกลับตามราคาที่ขายได้ ,เงินที่ได้จากการขายเอกรัฐโซล่าร์ ก็นำไปใช้หนี้ตาม สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนมาชำระหนี้ ส่วน 300 ล้านบาท ที่ต้องชำระปี 57(หากขายได้เงินเพียงพอต่อการชำระหนี้) - รีไฟแนนซ์ จาก ธ.ทหารไทย ไป ธ.xxx แล้วดำเนินการปิดกิจการ เอกรัฐโซล่าร์
คงมีหลายๆคนสงสัยว่า ในเมื่ิอเอกรัฐโซล่าร์ขาดทุน ทำไมไม่ปิดทิ้งไป ค่าใช้จ่ายจะได้ลดลง งบกำไรขาดทุน จะได้ดูดีขึ้น? ส่วนตัวคิดว่า น่าจะมีเหตุผล 2 อย่าง 1. เมื่อมีผู้ซื้อ ผู้ซื้อสามารถดำเนินกิจการต่อได้ทันที 2. (อันนี้สำคัญ)การปิดเอกรัฐโซล่าร์ จะทำให้ต้องบันทึกสินทรัพย์ในมูลค่าที่อาจจำหน่ายได้ แทนที่มูลค่าสินทรัพย์ตามงบดุลในปัจจุบัน เช่น ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เฉพาะของเอกรัฐโซล่าร์ บันทึกที่ 810 ล้าน ถามว่าถ้าขายจะขายได้ 810 หรือเปล่า คำตอบ คือ ไม่ถึงแน่ๆ แล้วเท่าไหร่หละ สมมติให้มูลค่าที่อาจจำหน่ายได้ เท่ากับ 300 ล้าน มันจะเกิดอะไรขึ้น
สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
ณ ไตรมาส 1/56
2,255 = 1,830 + 425
ถ้าหากปิดเอกรัฐโซล่าร์ (เดิมบันทึก ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 810 ล้าน ต้องบันทึกเป็น 300 ล้าน มูลค่าลดลง 510 ล้าน)
(2,255 - 510) = 1,830 + (425 - 510)
ส่วนของเจ้าของ ติดลบทันที อันนี้เรื่องใหญ่
แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ไม่ใช่ว่าบริษัทจะบันทึกสินทรัพย์เกินความเป็นจริงเท่านั้น แต่หนี้สินของบริษัท ก็บันทึกเกินความเป็นจริงเหมือนกัน เพราะยอดหนี้ที่บันทึกไว้ คือ 1,284 แต่จ่ายจริงเพียง 805 ล้าน ส่วนต่าง 479 ล้าน นี่หละสำคัญ การรีไฟแนนซ์ คือทางออก เพื่อที่จะให้มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เสียก่อน แล้วจึงปิดเอกรัฐโซล่าร์
2,255 = (1,830 - 479) + (425 + 479)
2,255 = 1,351 + 904 (*หน้าตางบดุลหลังรีไฟแนนซ์)
แล้วทำการปิดเอกรัฐโซล่าร์
(2,255 - 510) = 1,351 + (904 - 510)
จะเห็นว่าส่วนของเจ้าของเพียงพอแล้ว ไม่ติดลบ
เมื่อปิดเอกรัฐโซล่าร์แล้ว งบกำไรขาดทุน ก็จะดูดีขึ้นทันที - การเพิ่มทุน แล้วปิดกิจการ เอกรัฐโซล่าร์
ขั้นตอนก็คล้ายๆกับ แนวทางที่สอง แต่แทนที่จะเพิ่มส่วนของเจ้าของ โดยการรีไฟแนนซ์ เปลี่ยนเป็นการเพิ่มส่วนของเจ้าของโดยการเพิ่มทุนแทน ซึ่งแนวทางนี้น่าจะใช้เมื่อใกล้ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ 300 ล้าน ที่ต้องชำระในปี 57 แล้วยังปฏิบัติตามแนวทางที่ 1 หรือ 2 ไม่ได้
สมัครสมาชิก:
บทความ
(
Atom
)