DW เป็นสินค้าที่นักลงทุนหลายคนเข้ามาเล่นเพราะมีการเคลื่อนไหวรุนแรง แซงทุกทางโค้ง แต่การความผันผวนที่มากถ้าไม่มีการคำนวณ Money Management ที่ดีๆ ซื้อในปริมาณที่ไม่เหมาะสมทำให้นักลงทุนหลายคนพอร์ทพังได้ง่ายๆ ความยากของการคำนวณ Money Management ของ dw คือราคาลูกจะล้าไปกับตัวแม่ทำให้ต้องคำนวณหลายชั้น บทความนี้จะสอนการคำนวณแบบง่ายๆครับ
1.โหลด EXCEL
เข้าไปโหลดที่ link นี้ได้เลยครับผม
>>>>กดตรงนี้<<<<<
2.ใส่ชื่อหุ้นแม่
รอแป้บ excel จะโหลดข้อมูลของ DW มาให้ จะบอกว่า ค่าสูงสุดในตารางเป็นเท่าไร และต่ำสุดเป็นเท่าไร ถ้าใส่ราคาแม่ไม่อยู่ในค่า max min ตารางจะ error ไม่มีค่า
3.ดูกราฟตัวแม่แล้วใส่ราคาเป้าและจุดคัลลอส
จะเล่น DW ต้องมีการวางแผน ราคาซื้อ ราคาขาย และจุดคัทลอสให้ดีไปดูกราฟตามสูตรของท่านแล้วนำค่ามาใส่ตาราง
DW ฝั่ง call
จะเห็นว่าสมมติจะซื้อ BBL ที่ 195 มองเป้า 210 คัทลอสที่ 190 บาท จะได้กำไร 7% ขาดทุน 2.56% คิดเป็น RR Ratio ที่ 3 เท่า
DW ฝั่ง put
ถ้าใส่ชื่อฝั่ง PUT เราต้องมองแม่ขาลงคือขายก่อนและซื้อกลับที่ราคาต่ำกว่า ตารางใส่ราคาจะเปลี่ยนให้เราใส่ราคาขาย และซื้อกลับข้างล่าง ถ้าราคาขึ้นเราจะคัทลอส
นำราคาแม่มาเทียบกับตาราง
|
การนำราคาหุ้นไปเปรียบเทียบกับตารางราคา DW |
เมื่อได้ราคาของแม่ที่จะซื้อจะขายแล้วจะนำเราคาแม่ไปเทียบกับตารางว่าแม่เท่านี้จะเป็นราคาลูกเท่าไรโดยที่ระดับราคาเดียวกัน ราคาลูกก็จะเปลี่ยนไปดังนั้นเราต้องวางแผนดีๆ
เมื่อนำราคาแม่ที่เป็นฝั่ง call ไปเทียบกับตารางจะเห็นว่า ตามราคาที่วางแผนไว้ ถ้าราคาแม่วิ่ง 7.7% ตัวลูกสามารถวิ่งได้ถึง 80% คนก็เลยกะรวยจาก DW กันเลยทีเดียว แต่โดนทีก็โดนไม่ใช่น้อยเพราะสามารถขาดทุนได้ถึง 20% คนส่วนใหญ่จะตกม้าตายตรงนี้เพราะมองแต่ได้ ไม่มองผลเสีย
ในช่อง RR Ratio คือ Risk Reward Ratio จะบอกว่าเงินที่ได้เป็นกี่เท่าของที่เสียไป ในตัวอย่างคือได้เป็น 4 เท่าของที่เสีย
4. คำนวณ Money Management จำนวนเงินเหมาะสมที่จะซื้อหุ้น
หลังจากดูแล้วว่าจุดซื้อตรงไหนที่ได้เปรียบเราจะมาคำนวณเงินกันว่าไม้นี้จะใส่เงินเท่าไรดี ส่วนใหญ่อยากรวยก็ใส่กันเยอะๆ อัดกันหมดพอร์ท (All in) พอพลาดขึ้นมาก็พอร์ทพัง
เราต้องกำหนดสมมติฐานการลงทุนมาก่อนประกอบด้วย
- ขนาดพอร์ท ณวันนี้เรามีมูลค่าพอร์ทเท่าไร เท่ากับ เงินสด + มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด จากตัวอย่างมีเงินและหุ้นตามราคาตลาดที่ 1,000,000 บาท
- Risk ที่รับได้ คือการคำนวณว่าถ้าถุงจุดคัทลอสแล้วต้องตัดขาดทุน เราจะยอมให้มูลค่าพอร์ทลดลงเท่าไร ในตัวอย่างกำหนดไว้ที่ 2% แสดงว่าไม่ว่าจะคัทลอสที่เท่าไร เราจะยอมขาดทุนเต็มที่ 2% ของมูลค่าพอร์ท จากตัวอย่างมีเงิน 1,000,000 บาท ยอมรับ risk ได้ที่ 2% แสดงว่าเรายอมขาดทุนได้ 20,000 บาท สมมติเราขาดทุนไปแล้ว 20,000 มูลค่าพอร์ทรอบหน้าจะเหลือ 980,000 ถ้าเรารับขาดทุนได้ 2% เท่าเดิมเงินขาดทุนจะเหลือ 19,600 จะทำให้เราซื้อน้อยลงโดยอัตโนมัติ
- ถือกี่วัน ถ้าซื้อจบในวันนั้นเลยใส่เลข 1 ถ้าจะถือต่อหลายวันระบบจะดึงของวันอื่นมาให้ จะเห็นว่าเล่น DW ถือนานๆ ถ้าออกที่แม่ราคาเดิม จุดคัทจะต่ำลง ขาดทุนเพิ่มอีก ถ้าเรากำหนด Risk ไว้เท่าเดิม เราจะซื้อหุ้นได้จำนวนที่น้อยลง
- ค่าคอมมิสชั่นใส่ตามที่เราได้เลยครับ
การคำนวณ money management จากจุดคัทลอส
เริ่มต้นจากคำนวณจำนวนหุ้นที่ซื้อแล้วทำให้ขาดทุนเท่ากับ Risk ที่ตั้งไว้
ขนาดพอร์ท x Risk ที่รับได้ = (ราคาขาย x (1-ค่าคอม) - ราคาซื้อ x (1+ค่าคอม)) x จำนวนหุ้น
จำนวนหุ้น = (ขนาดพอร์ท x Risk ที่รับได้ ) / ( (ราคาขาย x (1-ค่าคอม) - ราคาซื้อ x (1+ค่าคอม)) )
เมื่อได้จำนวนหุ้นแล้วก็หาจำนวนเงินว่าใช้เงินกี่บาท
จำนวนเงินที่ซื้อ = จำนวนหุ้น x ราคาซื้อ
จากตารางเราจะสามารถซื้อได้จำนวน
จำนวนหุ้นที่ซื้อได้ 675,789.83 หุ้น
จำนวนเงินที่ซื้อ 101,368.47 บาท
สัดส่วนของพอร์ท 10.14% ของพอร์ท
การคำนวณ Money Management จาก ATR
เราต้องยอมรับธรรมชาติของหุ้นว่า จะต้องมีการแกว่งตัว ไปตามเหตปัจจัย และไม่อยู่ในอำนาจการสั่งการของเรา จุดซื้อกำหนดได้แต่จุดออกตลาดจะบอกเองว่าจะได้ออกทีี่ เป้า หรือ จุดคัทลอส
ATR จะบอกว่าใน 14 วันที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วขึ้นลงประมาณเท่าไรต่อวัน ค่า ATR ของหุ้นแต่ละตัวดูได้จากกราฟของ Efin โดยใส่ indicator ATR ลงไปในกราฟ
|
การดูค่า ATR จากกราฟของดปรแกรม Efin |
การคำนวณ Money management จะต้องใส่ค่าเพิ่มอีก 2 ค่าคือ ATR ที่ดูจากกราฟ และจำนวนเท่าที่รับได้ จากตัวอย่าง ATR อยู่ที่ 0.222 และรับความเสี่ยงได้ 1.5 เท่าของความผันผวนปกติในรอบ 14 วัน
จำนวนหุ้นที่ซื้อได้ 600,600.60 หุ้น
จำนวนเงินที่ซื้อ 90,090.09 บาท
สัดส่วนของพอร์ท 9.01% ของพอร์ท
ถ้าใช้ ATR จะเห็นว่ายิ่งหุ้นเป็นเทรนด์ชัดเจน ATR จะเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อคำนวณแล้วจะซื้อหุ้นได้ในจำนวนที่น้อยลง ป้องกันการไล่ราคาไปในตัว
ตาราง money management สำเร็จรูป
|
การคำนวณ money management สำเร็จรูป |
ไม่ต้องคิดมาก ดูว่าปกติเราคัทลอสกี่ % แล้วแต่ละไม้ยอมขาดทุนได้กี่ % ของพอร์ท
สมมติคัทลอสที่ 20% และเรายอมขาดทุนได้ 2% ของพอร์ท เราจะซื้อใช้เงินประมาณ 10% ของพอร์ท
ถ้าพอร์ทเรามี 1,000,000 บาทก็จะซื้อได้ 100,000 บาท ซื้อได้กี่หุ้นก็หารราคาซื้อเข้าไปจบ
จะเห็นว่าถ้าเรามีการวางแผน money management ตั้งแต่แรกอาจไม่รวยมากแต่พอร์ทไม่พังก็อยู่ในตลาดได้เรื่อยๆ จากสมการจะสรุปได้ว่า
- ยิ่งพอร์ทเรารับความเสี่ยงต่อไม้ได้มากขึ้นเท่าไรจำนวนเงินที่ซื้อต่อไม้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
- เมื่อขาดทุน พอร์ทเล็กลง ควรใช้เงินซื้อน้อยลง ไม่ใช่อัดเพิ่มเพื่อเอาคืน
- ยิ่งจุดคัทลอสลึกเท่าไร ยิ่งซื้อน้อยลง
- หุ้นที่ผันผวนมากๆยิ่งซื้อน้อยลง
- จังหวะที่หุ้นวิ่งแรงๆการไล่ราคาควรใช้เงินน้อย เพราะเมื่อเกิด trend แสดงว่าเกิดความผันผวนที่มากขึ้นผิดปกติเมื่อคำนวณด้วย ATR จะทำให้ซื้อน้อยลง
ติดตามเราได้ที่
Website :
http://www.investidea.in.th
Facebook :
http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน
ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่
https://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023