วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สแกนหุ้นพื้นฐานเด่นผลตอบแทนสูงด้วยF-Score


F-Score เป็นดัชนีชีวัดคุณภาพของหุ้นด้วยเกณฑ์ทางด้านพื้นฐาน โดยแบ่งเป็นคะแนน 0-9 ยิ่งหุ้นที่มีคะแนน F-Score  มากๆ ก็ยิ่งแสดงว่าพื้นฐานดี สำหรับโปรแกรม Efinance ได้นำค่า Fscore มาช่วยให้นักลงทุนที่ไม่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ดูคุณภาพบริษัทในเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น


F-Score คืออะไร


 Piotroski F-Scoreเป็นการวัดปัจจัยพื้นฐานโดยเป็นเชคลิซ โดยมีเกณฑ์ 9 ข้อคือ
  • การทำกำไร
    • ROA >0
    • ROA เพิ่มขึ้น
    • CFO > 0
    • CFO > กำไร
  • หนี้สิน
    • Current Ratio เพิ่ม
    • DE ratio ลด
    • ไม่มีการเพิ่มทุน
  •  ประสิทธิภาพการดำเนินงาน
    • GPM เพิ่ม
    • Asset turnover เพิ่ม
ยิ่งหุ้นมีคะแนนสูงๆ ก็แสดงว่าพื้นฐานน่าจะดี

 F Score และผลตอบแทนของหุ้น


การกระจายตัวของผลตอบแทนแยกตามคะแนน F score
จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มที่มี F-Score สูงๆ จะมีการกระจายตัวของผลตอบแทนที่สูงขึ้นไปได้ ดังนั้นเลือกหุ้นที่คะแนน F-score สูงๆไว้ก่อน น่าจะรอดในการลงทุนได้

ตารางสรุปผลตอบแทนของหุ้นแยกตามคะแนน F-score
กดที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่



ดูแล้วหุ้นที่ F score สูงๆน่าจะรอดได้

การใช้งาน


ในการลงทุนเราอาจต้องการหุ้นที่มีคะแนน f-score สูงๆ เราก็สามารถเพิ่มเงื่อนไขลงไปในสูตรสแกนได้ครับ จากนั้นใส่สูตร เทคนิคอะไรก็ได้ตามที่เราถนัด
ค่า F-score ในเครื่องมือสแกนหุ้นของ Efin
หรือจะเข้าไปดูค่าของหุ้นรายตัวในเครื่องมือ Fundamental status ก็ได้ครับไม่ยากเลย
ค่า F score ในเครื่องมือ Fundamental status

จะเห็นว่าค่า fscore ช่วยให้เราสามารถลงทุนได้ง่ายขึ้นครับผม โชคดีมีชัยในการลงทุนครับผม

อ้างอิง
http://helponline.efinancethai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1383:f-score-g-score&catid=88&Itemid=1134

หนังสือใหม่จ้า ผ่าความลับงบการเงิน



ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Excel สรุปงบการเงินไตรมาศ 3/2559


งบการเงินไตรมาศ 3 ออกมาครบหมดแล้ว อยากรู้ว่าหุ้นตัวไหนเด่นตัวไหนสามารถคัดกรองเบื้องต้นได้จากตารางนี้ครับผม รวบรวมมาเป็น Excel สรุปผลการดำเนินงานกำไรขาดทุนของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไตรมาศ 3/2559 ให้เรียบร้อย

วิธีโหลดดูที่มุมขวาล่างของตารางจะมีปุ่มลูกศรชี้ลงสามารถกดดาวน์โหลดได้ครับ
ในไฟล์จะมีสรุปผลกำไรของ ไตรมาศ 3 2015, 3/2016, 2/2016 การเปลี่ยนแปลงแบบ YoY QoQ คัดสรรหุ้นเด่นหุ้นดังกันให้สนุกสนานกำไรทั่วหน้าเลยครับผม

เจริญในการลงทุนทุกท่านครับผม


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เบื้องหลังการหามูลค่าหุ้นด้วยการคิดลดเงินปันผล (Dividend discount model)


การหามูลค่าหุ้นด้วยการคิดลดเงินปันผล (Dividend discount model) สมการสั้นๆคือ p = d/k-g แต่การคำนวณไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะไม่รู้ว่าจะเอาตัวแปลไหนมาใส่ บทความนี้จะบอกสมมติฐานที่มาที่ไปสูตรการหาราคาเหมาะสม ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกตัวแปรที่จะนำมาใช้ในการการประเมินมูลค่าได้ง่ายขึ้นครับ

รู้จักผลตอบแทนที่คาดหวัง k, WACC


ในการประเมินมูลค่าหุ้นวัตถุประสงค์เพื่อบอกว่าราคาหุ้นที่เราสนใจคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มก็จะบอกว่าแพงไปไม่ซื้อถ้าคุ้มก็ตัดสินใจลงทุน

ความคุ้มหรือไม่คุ้มในทางเศรษฐศาสตร์มองว่า ทุกๆการตัดสินใจมีค่าเสียโอกาสเสมอ เพราะเมื่อคุณเลือกทางใดทางหนึ่งต้องยอมสละทางเลือกหนื่งไป (เพื่อความอินให้เปิดเพลง ได้อย่างเสียอย่าง - อัสนี ; วสันต์ โชติกุล ประกอบ)

ดังนั้นการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือ เลือกทางที่ค่าเสียโอกาสต่ำสุดนั่นเอง

เช่นมีสามโครงการ ผลตอบแทน 20 30 10 ตามลำดับ
  • ถ้าเลือกโครงการที่ 1 ได้ 20 แต่เสียโอกาสได้ผลตอบแทน 30% จากทางเลือกที่ 2
  • ถ้าเลือกโครงการที่ 2 ได้ 30 ค่าเสียโอกาสคือ 0 
  • ถ้าเลือกโครงการทีี่ 3 ได้ 10 แต่เสียโอกาสได้ผลตอบแทน 30% จากทางเลือกที่ 2
ตังนั้นในการลงทุนนักลงทุนจะเลือกลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเที่ยบกับผลตอบแทนของทางเลือกที่เราไมได้เลือกนั่นเอง

ในทางการเงิน "ผลตอบแทนของทางเลือกที่เราไมได้เลือกนั่นเอง" หรือผลตอบแทนที่เราคาดหวัง มักจะเขียนตัวย่อว่า k หรือถ้าที่มาของเงินมาจากหลายแหล่งก็จะนำแต่ละแหล่งมาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักกันเป็น WACC

นั่นก็คือถ้าลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนไม่คุ้ม k ก็จะไม่ลงทุนนั่นเอง

เข้าใจมูลค่าปัจจุบัน (Present Value)


จุดเริ่มต้นของความอยากรวยเริ่มจากสมการดอกเบี้ยทบต้นและย้อนมาการหามูลค่าปัจจุบัน ทำให้แตกลูกแตกหลานออกมาเป็นวิชาการลงทุน ถ้าเข้าใจเรื่องมูลค่าเงินตามเวลา ก็เหมือนการเข้าใจวิชาการเงินทั้งเล่มนั่นเอง

มูลค่าอนาคต (Future Value)


เริ่มจากการลงทุน สมมติเรามีเงินปัจจุบันเท่าากับ PV บาท เอาเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนทบต้นที่ i ถ้าให้มันทบไปเรื่อยๆเท่ากับ n ปีจะได้เงินอนาคต FV เท่ากับ



มูลค่าปัจจุบัน (Present Value)


คิดมุมกลับสมการนิดเดียวคือ ถ้าเราอยากได้เงินในอนาคตเท่ากับ FV โดยที่เราเอาเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนเท่ากับ i เป็นจำนวน n ปี วันนี้ PV ต้องใช้เงินไปลงทุนกี่บาท



PV  จะถูกประยุกต์ไปใช้เป็นสูตรเบื้องหลังในการประเมินมูลค่าหุ้นอีกที่


มูลค่าปัจจุบันสุทธิ Net Present Value และการกำหนดมูลค่าเหมาะสม


ในการตัดสินลงทุนจะตัดสินใจจากมูลจากปัจจุบันของกระแสเงินสดว่าเป็นบวกหรือลบ ถ้าบวกแสดงว่าโครงการที่ลงทุนให้ผลตอบแทนมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง ถ้าค่าเป็นลบแสดงว่าโครงการที่จะลงทุนให้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวังก็จะไม่ตัดสินใจลงทุน

เมื่อคิดจะลงทุนต้องรู้ 3 เรื่องนี้


เมื่อคิดจะลงทุนไม่ว่าโครงการอะไรก็ตามต้องรู้ 3 เรื่องนี้คือ

3.1ได้อะไรมา

ลงทุนเสียกระแสเงินสดออกไปในวันนี้สิ่งที่ได้กลับมาคือกระแสเงินสดในอนาคต สำหรับการลงทุนในหุ้น สิ่งที่ได้มาคือเงินปันผล หลายคนก็มองว่าสิ่งที่ได้มาคือกระแสเงินสดอิสระ (free cash flow)

สำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น สมมติให้สิ่งที่ได้มาคือเงินปันผล D ที่จ่ายทุกปี D1 D2 D3 ..... Dn ตามลำดับ

3.2จ่ายอะไรไป

โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีๆ ถ้าในธุรกิจสิ่งที่จ่ายคือเงินที่นำไปลงทุนในโครงการทั้ง สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน และเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้ในการทำธุรกิจ สำหรับการลงทุนหุ้น เงินที่จ่ายคือราคาหุ้นนั่นเอง

3.1คุ้มหรือไม่

คำว่าคุ้มหรือไม่คุ้มถูกประเมินด้วย NPV เพื่อบอกว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนนั้นคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่คาดหวัง k หรือไม่นั่นเอง ตามอ่านได้ในหัวข้อต่อไป


NPV Net Present Vaue และการคิดลดเงินปันผล Dividend Discount Model


 สำหรับการลงทุนในหุ้น เราจ่ายเงินซื้อหุ้นที่ราคา P บาท โดย "คาดหวัง" ว่าจะได้เงินปันผลในอนาคตเท่ากับ d1 d2 d3 ไปเรื่อยๆ จนถึง dn ตามลำดับโดยที่มีผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ k


NPV จะเป็นผลต่างระหว่างเงินที่ต้องใช้ในการซื้อหุ้นคือ P กับเงินที่ต้องใช้ลงทุนในโครงการทางเลือกอื่นว่าใช้เงินลงทุนในวันนี้เท่าไร ซึ่งในสมการก็คือตัวยาวๆที่เหลือนั่นเอง แปลสมการเป็นภาษามนุษย์คือ ถ้าต้องการ ปันผลในอนาคตเท่ากับ d1 d2 d3 ไปเรื่อยๆ จนถึง dn โดยเราสามารถลงทุนได้ผลตอบแทนทบต้นเท่ากับ k (ค่าเสียโอกาสของโครงการที่ไม่ได้เลือก) วันนี้จะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร

ถ้า NPV เป็นบวกแสดงว่าลงทุนหุ้นได้ผลตอบแทนมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง หุ้นจะขึ้นเพราะจะถอนการลงทุนจากโครงการที่ให้ผลตอบแทนเท่ากับ K มาซื้อหุ้นแทน

ถ้า NPV เป็นลบแสดงว่าลงทุนหุ้นได้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดกวังหุ้นจะลงเพราะคนจะไม่ซื้อเอาเงินไปลงทุนที่อื่นที่ให้ผลตอบแทนเท่ากับ k ดีกว่า

จะเห็นว่าราคาหุ้นจะถูกปรับตัวจากการคาดการกระแสเงินสดในอนาคตของคนนั่นเอง


การกำหนดมูลค่าเหมาะสม


จะเห็นว่าเมื่อราคาหุ้นไม่ได้อยู่ที่จุดดุลยภาพมันก็จะแกว่งตัวอยู่รอบๆราคาเหมาะสมนั่นเอง เพื่อให้การประเมินมูลค่าหุ้นง่ายขึ้น ได้มคนชื่อนายกอร์ดอนได้คิด gordon growth model เพื่อช่วยให้การประเมินมูลค่าง่ายขึ้น โดยใส่สมติฐานเพิ่มเข้าไปคือ
  • เงินปันผลเติบโตด้วยอัตราคงที่เท่ากับ g
  • ถือหุ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด ถึงอนาคตอันไกลโพ้น (infinity)
จะได้สมการใหม่คือ


จากความรู้เรื่อง ลำดับและอนุกรมที่เรียนมาตอน ม ปลาย ทำให้รู้ว่า


สมการสั้นลงอีกหน่อย และราคาเหมาะสมก็คือราคาที่ทำให้ NPV = 0 หรือราคาหุ้นที่ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเท่ากับผลตอบแทนที่คาดหวังนั่นเอง

ให้ NPV = 0 จะได้



แปลเป็นภาษามนุษย์คือ ถ้าบริษัทแห่งหนึ่งมีผลปันผลปีหน้าเท่ากับ D1 ที่เติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในอัตราคงที่ g และนักลงทุนมีผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ k ราคาที่เหมาะสมคือราคาหุ้นที่ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในอนาคตเท่ากับผลตอบแทนที่คาดหวังนั่นเอง

ถ้าราคาตลาดสูงกว่านี้คนก็จะไม่ซื้อเพราะรู้สึกแพง หุ้นจะตก ถ้าราคาต่ำกว่านี้คนจะมาซื้อเพราะรู้สึกว่ามันถูกหุ้นราคาหุ้นจะขึ้น

ชอบคณิตศาสตร์เยอะๆ อ่านทางนี้
http://fahmi.ba.free.fr/docs/Courses/2012%20HEC/FBA_FE_Chap1_time_value_derivation.pdf

หลักการเลือกตัวแปรเข้าคำนวณมูลค่าเหมาะสม

ความสัมพันธ์ระหว่างผลประกอบการและมูลค่าหุ้น
กดที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่


D1 ปันผลปีหน้า ถ้าตามสมมติฐาน เงินปันผลที่เห็นในสมการคือเงินปันผลที่เติบโตเรื่อยๆในอัตราคงที่ ดังนั้นการประมาณการตัองดูดีๆว่าปันผลที่เอามาเป็นปันผลจากกำไรปกติ และต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ได้มาจากรายการต่อเนื่องต้องระวัง

g การเติบโต จากสมมติฐานบอกว่าการเติบโต โตด้วยอัตราคงที่ไปไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นการเติบโตที่จะนำเข้ามาประมาณการจะต้องเป็นการเติบโตที่สะท้อนการเติบโตระยะยาวววววว ไม่ใช่แค่ 1-2 ปี

ส่วนค่า k ไม่ต้องคิดเยอะมันคือผลตอบแทนที่คาดหวังอาจจะกำหนดมาลอยๆ หรือประมาณการด้วย CAPM ก็ได้


จะเห็นว่าการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยการคิดลดเงินปันผล เห็นสมการสั้นๆแต่ที่มาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สิ่งที่ต้องระวังในการนำการประเมินมูลค่าหุ้นไปใช้งานคือ ราคาหุ้นที่คำนวณได้จะเป็นราคาหุ้นที่เป็นจริงต่อเมื่อสมติฐานนั้นเป็นจริงครับ เจริญในการลงทุนทุกท่านครับ


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ส่องงบหุ้นสายการบิน AAV BA NOK THAI 2/2559 ใครจะอยู่ใครจะไป


เขาว่าธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่นิยมเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ธุรกิจสายการบินมันต้องได้ประโยชน์บ้างละน่า ฟังเขาว่ามาแล้วก็ลองมาส่องงบการเงินดูซะหน่อยว่า ใครดีใครด้อยครงไหน
จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว

ความอยู่รอด



ความอยู่รอด
ยกแรกมาดูกันที่ความอยู่รอด ใครมีหนี้มากๆและความสามารถในการชำระหนี้ต่ำๆ จะมีความเสี่ยงทางการเงินสูง หุ้นจะไม่ค่อยไปไหน

ถ้าเรียงตาม DE ratio จะเห็นว่า THAI มีหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อทุนมากสุดที่ 4.96 เท่า AAV BA พอๆกันที่ 0.4 กว่าๆ NOK ไม่มีหนี้เลย และหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ระยะยาวดูจากสัดส่วนหนี้สัดต่อหนี้รวมที่ต่ำก็ถือว่าจัดโครงสร้างหนี้ได้เหมาะสม เพราะเครื่องบินอายุการใช้งานยาวก็ควรกู้ยาวมาใช้

ดูที่ความสามารถในการชำระหนี้กันบ้าง AAV ความสามารถในการชำระหนี้สูงสุด Interest coverage สูงสุดที่ 7.31 เท่า รองลงมาเป็น BA ส่วน THAI NOK เสี่ยวหน่อยเพราะงบขาดทุน

แต่ถ้าดูว่ากระแสเงินสดพอจ่ายดอกไหมจากอัตราส่วน Modified interest coverage ที่เอากระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนจ่ายดอกเบี้ยเทียบกับดอกเบี้ยจ่ายยังมีค่าเป็นบวกอยู่แสดงว่ายังพอจ่ายไหว

และหลังจากจ่ายดอกเบี้ยดู Payback Period AAV ดีสุด 2.41 ปีจ่ายหมด รองลงมาเป็น BA และยาวสุดคือ THAI ที่ 6.18 ปี AAV จ่ายหนี้หมดไวกว่าก็แสดงว่าขยายกิจการได้ไวว่า BA

ตอนแรกว่า THAI น่าเป็นห่วงแต่ยงมีเงินสดจากการดำเนินงานมาช่วยทำให้จ่ายได้ทั้ง เงินต้นและดอกเบี้ย ดูแล้วปัญหาที่สุดคือ NOK ถึงหนี้น้อยแต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานติบลบสภาพคล่องจะไม่ค่อยดีเท่าไร

การสร้างเงินสด


การสร้างเงินสด 

มาดูการจัดการภายในกันบ้าง ว่าใครนำสินทรัพย์ไปสร้างรายได้ได้ดีกว่ากัน จากอัตราส่วนหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset turnover) คนที่นำสินทรัพย์ไปสร้างรายได้ได้มากที่สุดคือ NOK เนื่องจากส่วนใหญ่เครื่องบินไม่ค่อยมีเป็นของตัวเอง ถ้าไปดูในงบการเงินที่ดินอาคารอุปกรณ์น้อยมากส่วนใหญ่เป็นเงินสดและเงินลงทุน รองลงมาเป็น THA AAV ถัดมาเป็น BA

ถ้าเทียบผลตอบแทนในรูปเงินสด BA สูงสุดที่ 27% รองลงมาเป็น NOK ถัดมาเป็น AAV และสุดท้ายคือ THAI จะเห็น ว่าสินทรัพย์ของ AAV THAI ไม่ได้แย่สร้างรายได้ได้พอๆกันแต่จุดตางคือ ผลตอบแทนในรูปเงินสดที่สินทรัพย์สร้างได้ AAV สูงกว่า THAI มาก แต่ก็ยังน้อยกว่าพวกเช่าเครื่องบินเช่น BA NOK

กำไรทำกำไร

การทำกำไร
มาดูการทำกำไรกันบ้าง ในด้านการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบปีนี้กับปีที่แล้ว YoY ก็เติบโตดี NOK โตสุดรองลงมาเป็น AAV ถัดมาเป็น BA และท้ายสุด THAI แต่ถ้าดูแบบ QoQจะลดลงเพราะเป็นช่วง low season ของภาคท่องเที่ยว

รายได้โตยังไม่สำคัญเท่ากำไรโต คนที่รายได้โตสุดมีสองเจ้าคือ AAV กับ THAI เติบโตเมื่อเที่ยบแบบ YoY ถึงเท่าตัวเลยทีเดียว

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น BA THAI พอๆกันที่ 18% กว่า AAV เป็น lowcost ต่ำหน่อยที่ 15% NOK ไม่ต้องพูดถึงขาดทุนตั้งแต่กำไรขั้นต้นกันเลยทีเดียว

มาดูด้านการจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ฺBA สูงสุดที่ 17% ของยอดขาย รองลงมาคือ AAV ต่ำสุดคือ THAI ถ้าคิดเฉพาะกำไรจากการดำเนินงาน BA ต่ำมาก เพราะ กำไรขั้นต้น 18% โดนค่าใช้จ่ายขายและบริหารไปอี17% เหลือจริงๆไม่เท่าไรเอง

มาดูกันที่ EBIT margin BA กลายเป็นสูงสุดที่ 14% เนื่องจากมีรายได้จากกองทุนสนามบินที่เขาไปถือหุ้นมารวมอยู่ด้วย และส่วนหนึ่งที่ไปถือหุ้น BDMS อยู่ 6% พอได้ปันผลก็บันทึกเข้ามารวมเป็นรายได้อื่นด้วย AAV มี EBIT ที่ 10% ใช้ได้อยู่

ส่วนอัตรากำไรสุทธิ BA ไปโดนค่าใช้จ่ายพิเศษจากภาษีที่มาเป็นรายจ่ายครั้งเดียวทำให้อัตรากำไรในไตรมาศต่ำผิดปกติ

ในแง่ของคุณภาพกำไร BA AAV ค่าใกล้ๆ 1 แสดงว่าเงินสดจากการดำเนินงานใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ ส่วน THAI กระแสเงินสดล้ำกำไรสุทธิไปกว่า 9 เท่า แสดงว่า กำไรที่เห็นโดนค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นเงินสดกินไปเยอะเงินสดล้นบริษัทแต่ไม่สามารถปันผลออกไปได้

UPDATE งบการเงินไตรมาส 1 2017

งบการเงิน AAV

งบ AAV ผ่านไป 1 ปี ด้านโครงสร้างเงินทุนก็ปกติ สัดส่วนของหนี้กับทุนใกล้ๆเดิมไม่น่ากลัวอะไร สินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน หนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้ไม่หมุนเวียน

ด้านการใช้สินทรัพย์ สินทรัพย์โต รายได้โตปกติดี

การทำกำไร รายได้โตกำไรโต แต่จะเห็นว่าอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นๆลงๆตามราคาน้ำมัน ในไจรมาส สี่ ปี 2559 โดนเรื่องทัวร์จีน ไตรมาส 1 โดนเรื่องราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น และการเพิ่มภาษีน้ำมัน

งบการเงิน BA
งบคล้าย AAV คำอธิบายเดียวกันแต่เปลี่ยนชื่น

งบ NOK

NOK นี่ชีวิตบัตซบมาก รายได้โต แต่งบขาดทุนกระจุยกระจาย ในไตรมาส 1 รายได้เพิ่ม อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มเป็นบวก แต่ก็ยังไม่พอค่าใช้จ่ายขายและบริหารรอต่อไปนะครัส


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

วิเคราะห์งานประจำด้วย 5 force

งานประจำก็คือ ธุรกิจให้เช่าแรงงานของเราเพื่อแก้ปัญหาให้องค์กรนั่นเอง สาเหตที่คนเบื่องานประจำเพราะเป็นธุรกิจที่การแข่งขันสูงนั่นเอง มาวิเคราะห์ตามหลัก 5 force กัน

1.การแข่งขัน


งานประจำมีการแข่งขันสูง ทั้งในองค์กรด้วยกัน และเด็กใหม่ที่เข้ามา ไม่พอมีเครื่องจักรเข้ามาทดแทนอีก จะเด็นว่าเงินเดือนเริ่มต้น 10 ปีที่แล้วกับวันนี้ก็ยัง 15,000 เท่าเดิม

2.การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่


เด็กจบใหมเพี่ยบ ยอมเริ่มต้นด้วยค่าแรงถูกๆ ฟิตกว่า ค่าแรงต่ำกว่า หรืองานที่ต้องใช้ประสพการณ์ก็ซื้อตัวมาจากบริษัทคู่แข่ง

3.สินค้าทดแทน


เดี๋ยวนี้งานประจำกำลังลดลง เพราะบริษัทสามารถนำทั้ง software และ hardware มาทดแทนได้ หรือเด็กใหม่เข้ามาก็พร้อมที่จะเขี่ยเราออก

4.อำนาจต่อรองลูกค้า


ลูกค้าคือนายจ้างเรานี่เอง อำนาจสูงอยู่เพราะกำหนดระเบียบบริษัทเต็มไปหมด บางทีทำล่วงเวลากลับบ้านดึกๆดื่นเงินก็เ่ท่าเดิม ไม่พอใจไล่ออก หรือตำแหน่งไม่ขึ้น

5.อำนาจต่อรอง supplier


ต้นทุนพนักงานประจำคือค่าเสื้อผ้าหน้าผม ค่าเดินทาง ค่าพาลูกน้องไปเลี้ยงหมูกระทะ ภาษีสังคมต่างๆ คอร์สพัฒนาตัวเอง ฯลฯ ก็ต่อได้บ้างต่อไม่ได้บ้าง


แม้จะเป็นธุรกิจแข่งขันสูงแต่ข้อดีคือมีรายได้ประจำ ถ้าเราเป็นลูกจ้างมืออาชีพ แก้ปัญหายากๆให้ลูกค้าได้ จะเติบโตในสายงานได้ มีทุนตั้งต้นในการเริ่มเป็นนายตัวเอง หรือหาช่องทางลงทุนใหม่ๆ ได้เรียนรู้วิชาการจัดการแบบมืออาชีพบ้างไม่มืออาชีพบ้างแล้วแต่ดวงว่าจะเจอองค์กรแบบไหนมา โดยส่วนตัวเป็นคนทำงานไม่เก่งเลยหันไปรุ่งทางด้านขยายกิจการด้วยการลงทุนแทน




ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Excel สรุปงบการเงินไตรมาศ 2/2559


งบการเงินไตรมาศ 2 ออกมาครบหมดแล้ว ตัวไหนเด่นตัวไหนโดนสามารถคัดกรองเบื้องต้นได้จากตารางนี้ครับผม รวบรวมมาเป็น Excel สรุปผลการดำเนินงานกำไรขาดทุนของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไตรมาศ 2/2559 ให้เรียบร้อย

วิธีโหลดดูที่มุมขวาล่างของตารางจะมีปุ่มลูกศรชี้ลงสามารถกดดาวน์โหลดได้ครับ

ในไฟล์จะมีสรุปผลกำไรของ ไตรมาศ 2 2015, 2/2016, 1/2016 การเปลี่ยนแปลงแบบ YoY QoQ คัดสรรกันให้สนุกสนานเลยครับผม
 


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ส่องงบหุ้น wiik


เห็นหุ้น WIIK กำลังวิ่งๆ มีมิตรสหายถามไก่กันมาพอสมควร เขาว่าจะ Turnaround มาดูกันครับว่าจะไปได้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้หุ้น Turnaround ถ้าไม่มามีกำไรจริงตลาดไม่เชื่อครับ

ในแง่การทำมาหากิน จาก factsheet เขาว่า wiik เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายท่อและข้อต่อท่อพลาสติกชนิดHDPE (High Density Polyethylene) ชนิดLDPE (Low Density Polyethylene) ชนิดโพลีโพรไพลีน (Polypropylene) ท่อ Weholite Spiroและ WehoTank, Weholite โดยเป็นผู้ผลิตที่มีกำลังและศักยภาพในการผลิตสูงและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

การเปลี่ยนแปลงในงบการเงิน


การเปลี่ยนแปลงของหุ้นตัวนี้เริ่มต้นจากการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้น จากเจ้าของเป็นยุโรป มาเป็นเจ้าของคนไทย นำโดยเบอร์ 1 นางสุมาลี อ่องจริต มีมือเด็ดๆหลายคน ลองเอาชื่อไปค้น google จะเจอประวัติครับ
รายชื่อผู้ถือหุ้น wiik 10 อันดับแรก

เมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าของนโยบายการบริหารจัดการก็เปลี่ยน มาดูผลการเปลี่ยนแปลงในงบการเงินกัน


งบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุน wiik


งบแสดงฐานะการเงิน wiik


หลังจากเจ้าของใหม่เข้ามาแล้ว งบการเงินเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในปี 2558 โดยที่มีการเพิ่มทุนเข้ามา จะเห็น ส่วนของผู้ถือหุ้นในไตรมาศ 1 เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2557 เกือบเท่าตัว

ตารางนี้เป็นรายงานการใช้เงินจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงในปี 2558  และใส่เงินเข้ามาตอนไตรมาศ 1 2559 ได้เงินมา 225 ล้าน ใช้ไปหมดเกลี้ยงตามนี้

สินทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2558 แต่ หนี้สินลดลง แสดงว่าเอาเงินกู้ไปลงทุนก่อน พอใกล้ๆเสร็จก็เอาเงินจากการเพิ่มทุนไปลดหนี้ ทำให้ดูเป็นบริษัทที่หนี้น้อยไปในทันที

ธุรกิจจัดการน้ำเพิ่งลงข่าวในตลาดเดือน พค ว่า "การได้รับสัญญาบริหารจัดการระบบผลิตน้ำประปาระยะเวลา 20 ปี"
http://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=14635285857161&sequence=2016042296

อยู่ไตรมาศ 2 งบที่ออกน่าจะเห็น ตามข่าวมูลค่าเงินลงทุน 140 ล้าน เป็นงานบริหารจัดการระบบผลิตนํ้าประปาให้แก่สยามอีสเทิร์นอินดัสเตรียลพาร์ค

ระยะเวลาสัญญา : 20 ปีโดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เดือนมิถุนายน 2559 เป็นต้นไป
มูลค่ารายได้ขั้นตํ่า:1,365.07ล้านบาท (รับประกันรายได้ขั้นตํ่า12,000ลูกบาศก์เมตรต่อวัน)

แสดงว่า จะมีรายได้ปีละ 1365/20 = 68.25 ล้าน 
ถ้าทำอัตรากำไรได้ซักครึ่งหนึ่งของ EASTW ที่ 34% เป็น 17% ก็ได้กำไรปีละ 68.25*0.17 = 11.6 ล้านบาทต่อปี ROI = 11.6/140 = 8.28% 
ถ้าทำอัตรากำไรได้เท่า EASTW ก็ 23.2 ล้านบาทต่อปี ROI 16.57%

ตอนนี้ ROA ของ WIIK อยู่ที่ 10% ก็ถือว่า ผลตอบแทนพอใช้ได้

งบกำไรขาดทุน


ในงบกำไรขาดทุน รายได้ในปี 2558 โต เห็นได้ชัด แต่ส่วนที่ทำให้กำไรของ wiik เติบโต คือการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และการลงลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 

ถ้าเอาเงินที่ได้ไปลดหนี้เงินต้นได้ ดอกเบี้ยจะลดลงกำไรเพิ่มขึ้นอีก เยี่ยมจริงๆ

สิ่งที่ต้องลุ้นในงบไตรมาศ 2 คือ บริษัทยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรไว้เท่านี้ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ถือว่าเจ้าของใหม่เข้ามาและทำบริษัทพลิกฟื้นได้จริงๆ

มูลค่าเหมาะสม


PE และ PE เหมาะสมด้วยวิธีต่างๆ

ซื้อวันนี้ PE 12.49 เท่า ได้ปันผล 3.25%
ถ้าให้ PE เหมาะสมเท่ากับปันผลเฉลี่ยก็ได้ราคานี้
PE ปัจจุบันยังต่ำกว่า PE เฉลี่ย

ส่วนส่วนตัวมองว่า PE ระดับหนี้ก็กลางๆไม่ถูกไม่แพง ราคาจะวิ่งต่อ ต้องไปลุ้นกำไรงวดหน้าว่าจะโตได้หรือไม่ แผนธุรกิจเป็นอย่างไร 

จากงบการเงินจะเห็นว่า wiik ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัว มีการปรับปรุงกระบวนการภายในให้อัตรากำไรดีขึ้น และมีการลงทุนโครงการใหม่ๆ ก็ลุ้นกันนะครับว่าจะดีได้ต่อเนื่องหรือไม่ สู้ต่อไป wiik





ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย

สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน 

ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023 เพิ่มเพื่อน

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ส่องหุ้น IPO BIZ


หุ้น ฺBIZ ทำธุรกิจขายเครื่งอมือแพทย์ ช่วงนี้กระแสหุ้นการแพทย์กำลังมาพอดี มาดูกันครับว่าจะหมู่หรือจ่า เชิญเข้าไปอ่านโดยพลัน


สินค้าและบริการ


ผลิตภัณฑ์หลักที่บริษัทจ าหน่ายได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทชุดเครื่องฉายรังสี(Treatment   Delivery) โดยเฉพาะเครื่องเร่งอนุภาคอิเลคตรอน (Linear  Accelerator) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาด้วยการฉายรังสีระยะไกล (Teletherapy) และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความส าคัญและมีมูลค่าต่อโครงการสูง นอกจากนี้บริษัทยังท าหน้าที่เป็น Solution Provider ทำงานทุกอย่าที่เกี่ยวข้าง

สินค้าของ BIZ เครื่องเร่งอนุภาค
ดูจากสินค้าและบริษัท ต้องมองเป็นบริษัทซื้อมาขายไป เพราะไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง ระยาวต้องวัดใจกันเรื่อยๆว่าสามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ต่อเนื่องหรือไม่ วัดใจกันไป

ผลประกอบการ


โครงสร้างรายได้ แยกตามกลุ่มลูกค้า
กดที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่

ดูตามโครงสร้างรายได้แล้ว กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นโรงพญาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยแพทย์ แสดงว่าตลาดเล็กลงไปอีก แต่โรงพยาแพทย์ก็เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่าต้องมีเครื่องมือที่ พิเศษให้นักเรียนแพทย์ได้ใช้งาน ปี 2558 รายได้หายไป เพราะไม่มีงานส่งมอบ

ดังนั้นใครกะว่าจะถือหุ้นตัวนี้ยาวๆ กะถือกินปันผล ก็ต้องทำใจบางปีได้เยอะ บางปีได้นอย แต่ถ้ารายได้กระโดดแบบนี้ เหมาะเก็งกำไรเป็นรอบๆน่าจะได้คำใหญ่อยู่

สินค้าคงเหลือ
กดที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่
เนื่องจากรายได้จะรับรู้เมื่อส่งมอบ ก็ต้องมูดูที่สินค้าคงเหลือว่ามีอะไรบ้าง ที่น่าสนใจคือ

  • สินค้าระหว่างติดตั้งเพิ่มขึ้นจาก 0.9 ล้านเป็น 51.93 ล้านบาท
  • สินค้าระหว่างทางเพิ่มขึ้นจาก 42.90 ล้าน เป็น 137.97 ล้านบาท

แสดงว่า เอาเข้าตลาดมาช่วงที่ใกล้ๆส่งมอบงานพอดี ในคำอธิบายเขาบอกว่า

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 รายการสินค้าคงเหลือส่วนใหญ่เป็นสินค้าระหว่างทางซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 42.90 ล้านบาทและ 137.97 ล้านบาทซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทสั่งซื้อและอยู่ระหว่างการจัดส่งจากบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ เพื่อรอติดตั้งและส่งมอบงานในปีถัดไปของงานศูนย์วิจัยและรักษามะเร็งกรุงเทพและงานของโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี

ใครอยู่แถวนั้นก็แว้บๆไปดูได้ว่าสูนย์มะเร็งเครื่งอเปิดใช้งานเมื่อไร


อัตราส่วนทางการเงิน




จากอัตราส่วนทางการเงินจะเห็นว่า หุ้น biz มีวงจรเงินสดค่อนข้างยาว แบบนี้ถ้าจัดการไม่ดีจะมีปัญหากับกระแสเงินสดได้

การทำกำไร ผมว่าอัตรากำไรต่ำไปหน่อย และผันผวน ช่วงดีๆก็กำไ 9 % ช่วงแย่ๆก็กำหาย

มาดูที่อัตราการจ่ายเงินปันผล ปันผลกำไรสะสมออกไปทั้งหมดเรียบร้อย ในปี 2558 อัตราปันผลจากกำไร 1000% กันเลยทีเดียว


สรุปแล้วหุ้นตัวนี้ก็เหมาะสำหรับสายที่ชอบเล่นรอบ กำไรจะผันผวนเพราะรับรู้รายได้เมื่อส่งมอบงาน และงานพวกนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆซะด้วย





ที่มา
กลต แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/final69.php?txt_compid=1769&txt_offerid=001538&txt_secuid=01&txt_offertypeid=01&txt_language=T&txt_applydate=2016-03-30&start_date=2016-07-20


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การคำนวณปริมาณอาหารและตารางออกกำลังกายลดความอ้วน


ความอ้วนก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนในยุคปัจจุบัน รวมถึงเจ้าของบล็อกด้วย จากนักลงทุนเริ่มเป็นนักลงพุงละ หลังจากเริ่มศึกษาวิธีลดน้ำหนักมาซักพัก ก็รวบรวมความรู้ไว้ตรงนี้ละกันครับผม เผื่อใครมาเจอจะได้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเยอะ

1.กินให้พอดี


กินน้อยไประบบเผาผลาญก็พัง เยอะไปก็ไม่ดี กินเท่าไรจึงพอดี บทความและการคำนวณ Taawut Kla-ngan จากกลุ่ม  Eat lean กินให้หุ่นสวย เขียไว้ดีมากครับผม แต่การคำนวณเสียเวลามากผมทำเป็นไฟล์ excel ไว้ให้เลย กดโหลดลงเครื่องตรงมุมขวาล่างของตาราง หรือนั่งจิ่มๆตัวเลขบนเว็บได้เลยครับผม
https://www.facebook.com/groups/168861293488200/permalink/250210855353243/



ในไฟล์มีแค่ อกไก่ ข้าวสวย กะถั่ว ถ้าต้องการอย่างอื่นเพิ่มเข้าไปดูได้ที่
http://www.ezygodiet.com/ปริมาณโปรตีนในอาหาร/
https://www.facebook.com/planforfit/photos/?tab=album&album_id=1175179185867553


สำหรับการกำหนดสัดส่วนสารอาหารมีหลายสูตรครับ ดูตามตารางแล้วกรอกตัวเลขได้เลย
การกำหนดสัดส่วนสารอาหาร โปรตีน คาร์บ ไขมัน
การกำหนดปริมาณสารอาหาร โปรตีน คาร์บ ไขมัน
ตัวเลขนี้เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้นการกำหนดสัดส่วนอาหารยังมีแบ่งเป็น 2 ช่วงอีกคือช่วง bulk lean อีก การปรับก็ต้องแล้วแต่บุคคลครับ อันนี้ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้หญิงไม่ต้องกลัวครับว่าเล่นกล้ามแล้วไม่สวย กล้ามขึ้นยากกกกกกมากกกกกกก เนื่องจากฮอโมนไม่เหมือนกัน
  • bulk เป็นช่วงเพิ่มน้ำหนักตัวเพื่อสร้างกล้าม กินไม่ถึงกล้ามก็ไม่ขึ้น เพิ่มคาร์บ ลดคาร์ดิโอ้
  • lean ได้กล้ามแล้วก็ต้องลดไขมัน ลดคาร์บ เพิ่มคารดิโอ้

2.ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายเหมาะสม นำหนักก็ลดลงได้ แนะนำช่องวิดิโอของมหิดลครับ มีคลิปให้ความรู้เยอะแยะมากมายเป็น 100 คลิปเลย แปะให้ทั้ง player list เลย



สำหรับสาวๆ เพจของ เบเบ้ ดาราชื่อดังก็น่าสนใจครับ กดติดตามได้เลย www.facebook.com/bebefitroutine


อันนี้เป็นตัวอย่างการวางตารางออกกำลังกาย เล่นกล้าม อก / แขน / ไหล่ / หลัง / ท้อง โดย ดร. เชิดชาย ปันจัยสีห์ ขอกราบงามๆเลย

ยังไม่จุใจไปดูวิดีโอสอนเล่นกล้าม ที่บ้านเพิ่มเติมได้ที่  : www.youtube.com/user/sixpackhome

1. อก (Chest)

-
สร้างกล้ามเนื้อส่วนหน้า อก
https://youtu.be/hnXT9I_H4Wk…
-

แต่ง อก ให้คม
https://youtu.be/H0dfEjqNlS8…
-

สร้างหน้า อก ไม่ใช้อุปกรณ์ (Bodyweight)
https://youtu.be/5iHpby5CYSw…
-

2. แขน (Arm)

-
สร้างแขนหน้า
https://youtu.be/j1uqHOPJi1Y…
-
สร้างแขนหลัง
https://youtu.be/eM46ADqVgqk…

สร้างแขนหลัง ไม่ใช้อุปกรณ์ (Bodyweight)
https://youtu.be/BWcV2gOToRo…


3. ไหล่ (Shoulders)

-
แต่งไหล่ให้ใหญ่
https://youtu.be/vaDr2TaHkPE…
-
แต่งไหล่ให้กลม
https://youtu.be/052iXvBS7Yg…
-

4. หลัง (Back)

-
เล่นหลัง
https://youtu.be/W5LeUhZWlIU…
-
เล่นหลังให้เป็นรูปตัววี V-Shape
https://youtu.be/ggYmPKXya2U…
-

5. ท้อง (Abs)

-
สร้าง sixpack 1/2
https://youtu.be/GtOzQizKAZo…
-
สร้าง sixpack 2/2
https://youtu.be/OYjIYjyPNAA…
-

คาร์ดิโอเพิ่มอัตราเผาผลาญ





3.ลดการบาดเจ็บ


เพจนี้ดีงามพระรามแปด ให้ความรู้ท่าทางการออกกำลังกายที่ถูกต้องแบบวิชาการ ยืดเหยียดอย่างไร วิ่งอย่างไรไม่ให้เข่าพัง น่าตามมาก www.facebook.com/Befiteatwell



4.สร้างวินัยเสริมพลังจิตใจ

โปรแกรมลดอ้วนต้องใช้เวลาเยอะ เผลอก็ท้อ ถ้ามีเทรนเนอร์เขาก็ช่วยบิ้วอารมณ์ได้ ถ้าไม่มีก็ต้องบิ้วเอง ใช้คำพูดแบบไหนคุยกับตัวเองให้มีพลังไปดูได้ที่



สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วงแบ่งปันความรู้นะครับ บทความนี้แค่รวบรวมมา นำหนักเหมาะสม สุขภาพดี ทุกท่านนะครับผม


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แก่นแท้ประเมินมูลค่าหหุ้น

จะซื้อของทั้งทีคงไม่มีใครอยากได้ของดีราคาแพง ในการวัดความถูกแพง ถ้าเข้าใจแก่นก็สามารถต่อยอดไปได้อีกเยอะครับ โดยการประเมินมูลคาแท้จริงเป็นเรื่องเปรียบเทียบ หลักๆจะดูอยู่ 3 เรื่อง

1.ได้อะไรมา


การลงทุนซื้อหุ้นเราได้ตัวบริษัทและกระแสเงินสดที่ผลิตได้ในอนาคต ถ้าเรามองว่าเราซื้อหุ้นแล้วได้กำไรแต่และปีมาเป็นของเรา การอ่านงบเพื่อให้รู้ว่าลักษณะกำไรของบริษัทเป็นอย่างไร เราอาจแบ่งลักษณะกำไรของหุ้นเป็น 6 ประเภทตามแนวของปีเตอร์ลินซ์ มีดังนี้


  • กำไรโตแข็งแกร่ง โตเรื่อยๆตามอุตสาหกรรม รายได้กำไรโตสม่ำเสมอ มีการลงทุนเรื่อยๆ ROE ROA สม่ำเสมอ
  • กำไรโตเร็ว อุตสาหกรรมกำลังเติบโต ลงทุนสูง จะโตได้ไกล กระแสเงินสดควรเป็นบวก ROE ROA สม่ำเสมอ
  • กำไรโตช้า อุตสาหกรรมเริ่มอิ่มตัว คู่แข่งบาน รายได้เริ่มโตช้าลง ลงทุนเยอะกำไรโตน้อย ROA ROE ลดลงเรื่อยๆ 
  • หุ้นวงจรกำไรโตเป็นรอบๆ 
  • หุ้นเทรินอราวด์ พลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร
  • หุ้นสินทรัพย์แฝง ซื้อๆไว้เดี๋ยววันดีคืนดีก็เอาสินทรัพย์ไปขายก็ได้กำไรมาเป็นก้อน


2.จ่ายไปเท่าไร


เราจ่ายเงินซื้อหุ้นที่ราคาตลาด ณ วันนั้น ถ้าไม่เอาราคาตลาดก็ไปต่อรองกันเอง


3.คุ้มหรือไม่


ผลตอบแทนที่ได้คุ้มกับที่เราจ่ายหรือไม่ ถ้าอยู่ตัวคนเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าถูกแพงต้องมีตัวเปรียบเทียบ

3.1ประเมินมูลค่าด้วยอัตราส่วน PE PBV PS 

เป็นการเปรียบเทียบเหมือน Apple to Apple
pe pbv ps pcfo เป็นการเอาสิ่งที่จ่ายpเทียบกับสิ่งที้ได้ เช่น eกำไร bv cfo .........
ถ้าสิ่งที่ได้เหมือนๆกัน บริษัทที่จ่ายซื้อน้อยกว่าแสดงว่าจะถูกกว่า

3.1คิดลดกระแสเงินสด DDM 


ตัวเปรียบเทียบคือ ตัวคิดลดที่เอามาหาร
ยกตัวอย่าง คิดลดเงินปันผล p=d/k-gค่าที่ได้บอกว่า
ถ้ากระแสเงินสดในอนาคตที่เราคาดการณ์เท่ากับ เงินปันผลในอนาคตเท่า d ที่โตเรื่อยๆเท่ากับg (ย้ำว่าคาดการณ์)
ตัวเปรียบเทียบถูกแพงคือ ผลตอบแทนที่คาดหวัง(ผลตอบแทนทางเลือกถ้าไม่ซื้อหุ้นตัวนั้น)เท่ากับk
pคือ ใช้เงินลงทุนในปัจจุบัน ที่ทำให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับk
เอาค่าที่ได้มาเทียบราคาปัจจุบัน

1.ถ้าราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่าราคาที่คำณวณได้ แสดงว่า เราซื้อของ"ถูก" เพราะได้ผมตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า k
2.ราคาปัจจุบัน เท่ากับราคาที่คำนวณได้ แสดงว่า "ไม่ถูกไม่แพง" เพราะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับk
3.ถ้าราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่าราคาที่คำณวณได้ แสดงว่า เราซื้อของ"แพง" เพราะได้ผมตอบแทนจากการลงทุนน้อยกว่า k

ส่วนdcfแค่เปลี่ยนรูปแบบกระแสเงินสดกับตัวคิดลด

โดยสรุป การประเมินมูลค่าก็เหมือนการบอกว่า ท่อนไม่สั้นหรือยาว ถ้าเอาไปเทียบกับไม่ที่สั้นกว่ามันก็ยาว เอาไปเทียบกับไม้ที่ยาวกว่ามันก็สั้น นั่นเอง


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

งบการเงินบริษัทร่วมคืออะไรแบบเข้าใจง่ายๆ


การขยายธุรกิจโดยการไปลงทุนในบริษัทร่วมถือเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างการเจริญเติบโต และการสร้างความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้น บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์ว่าเงินที่ลงทุนในบริษัทร่วมอยู่ตรงไหนในงบการเงิน และจะวิเคราะห์อย่างไร

บริษัทร่วมคืออะไร ความหมายและการบันทึกบัญชี


บริษัทร่วมเกิดจากการอยากเติบโต มีโอกาสเข้ามาก็ขอเข้าไปถือหุ้นซะหน่อย 20-50% ขอเกาะความรวยไปด้วย

ในแง่การบริหารก็มีนัยยะพอควรเพราะส่งกรรมการเข้าไปได้ แต่ก็ยังไม่มีอำนาจควบคุมกรรมการที่เข้าประชุมได้แค่รับฟัง โหวดอะไรก็แพ้

จากการที่ไม่มีอำนาจควบคุมการบริหารและการเงิน ดังนั้นในทางบัญชีจึง รับรู้กำไรส่วนแบ่งกำไรตามวิธีส่วนได้ส่วนเสีย

ในงบแสดงฐานะการเงิน จะเห็นรายการชื่อเงินลงทุนในบริษัทร่วม

เมื่อเวลาผ่านไป ฝัั่งทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากกำไรสุทธิ ที่มาจากส่วนแบ่งกำไร หรือขาดทุนจากบริษัทร่วมที่รับมาในแต่ละงวดบัญชี

ส่วนทรัพย์เงินลงทุนเพิ่มตามส่วนแบ่งกำไร ถ้ามีปันผลส่วนแบ่งกำไรจะลดลงกลายเป็นเงินสดในงบแสดงฐานะการเงิน

เช่น ต้นงวดมีรายการเงินลงทุนในบริษัทร่วม 100 ล้านบาท (เหมือนเป็นมูลค่าทางบัญชีของบริษัทร่วมที่เราถือ)  สมมติว่าคิดเป็นสัดส่วนถือหุ้น 30%

ถ้าบริษัท มีกำไร 30 ล้าน ก็จะเป็นส่วนของเรา 10 ล้านบาท

เงินลงทุนในบริษัทร่วมในส่วนสินทรัพย์จะเพิ่มเป็น 110 ล้าน และส่วนทุนเพิ่ม 10 ล้านจากกำไรสะสม

ถ้าบริษัทร่วมมีการจ่ายเงินปันผล 5 ล้านบาท เงินลงทุนในบริษัทร่วมจะลดลง 5 ล้าน ไปเพิ่มที่เงินสด 5 ล้านบาท จากเงินปันผล

การวิเคราะห์


เงินลงทุนนบริษัทร่วม ก็เหมือนส่วนทุนตามสัดส่วนของเรา อยากรู้ว่าบริษัทร่วมกำไรเท่าไร ก็ดูส่วนต่างปลายงวดกับต้นงวด

จากตัวอย่างต้นงวด 100 เงินลงทุนในบริษัทร่วมสิ้นงวดเป็น 110 แสดงว่ามีกำไร 10 ล้าน

ผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะเท่ากับ 10/100 = 10%

การดูว่าลงทุนแล้วคุ้มหรือไม่ ถ้าก่อนลงทุน และหลังจากที่ลงทุนแล้ว ROA ยังเท่าเดิม แสดงว่าลงทุนแล้วคุ้ม

แต่ถ้าลงทุนแล้ว ROA ลดลงแสดงว่าเงินที่ลงทุนไปไม่โอ เพราะนำเงินไปลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ต่ำลง เสียโอกาสในการลงทุนอย่างอื่น

บทความนี้ก็จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์เงินลงทุนในบริษัทร่วมได้ไม่ยากเจริญในการลงทุนทุกท่านครับผม



ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

งบการเงินรวมคืออะไร แบบเข้าใจง่าย


งบรวมหลายคนยังงงๆว่ามันรวมกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการอย่างง่ายๆ ครับ

1.มีบริษัทย่อยไปทำไม


ในการทำธุรกิจ หลายๆครั้งต้อง เปิดเป็นบริษัทย่อยๆ หลายบริษัทด้วยหลายเหตผลเช่น ต้องการแยกการจัดการที่ชัดเจน การขยายธุรกิจโดยมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมด้วยก็แยกบริษัทกัน หรือมีแผนที่จะนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียน IPO ในอนาคต

2.การบันทึกบัญชี


พอเราเปิดบริษัทย่อยๆถือหุ้นเยอะๆ ก็มีอำนาจควบคุมในการบริหารงาน และควบคุมทางการเงิน สั่งได้ว่าจะให้บริษัท ลงทุนอะไร กุู้เงินจากไหน จ่ายปันผลเท่าไร

เมื่อสั่งได้ เพื่อให้เห็นภาพรวมของกิจการก็ต้องบันทึกบัญชีโดยเอางบการเงินของบริษัทย่อยเข้ามารวมด้วย

ไอเดียคือเงินลงทุนของเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สุทธิ (book value) ของบริษัทย่อย เราก็กระจายสินทรัพย์สุทธิออกมาเป็น สินทรัพย์ลบหนี้สิน แล้วก็กระจายสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทย่อยเข้ามารวมร่างกับบริษัทแม่

จะเห็นในฝั่งขวา สินทรัพย์ และหนี้สินของบริษัทย่อยจะจับมารวมกัน ค่อยมาแบ่งกันในส่วนของทุน

ถ้าบริษัทที่เราสนใจมีบริษัทย่อย ในงบการเงินส่วนของทุนจะเห็นรายการ ส่วนได้สียที่ไม่มีอำนาจควบคุม หรือคือส่วนทุนของบุคคลภายนอกที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทย่อย มีกำไรก็แบ่งให้เขาไป

ส่วนในงบกำไรขาดทุน รายได้และรายจ่ายของทั้งเราและย่อยจะจับมารวมกันแล้วค่อยหักกำไรไปให้ ส่วนของผู้ถือหุ้นที่ไม่มีอำนาจคุวบคุมไป จึงเหลือกำไรเป็นของเรา

3.การวิเคราะห์งบรวม


งบการเงินรวมก็เหมือนรวมๆทั้งสาขาใหญ่และย่อยเข้าด้วยการ รายการที่เห็นในงบจะหักรายการระหว่างกันออก

ดังนั้นแสดงว่า รายการที่เห็นในงบการเงินจะเป็นรายการที่เกิดกับบุคคลภายนอกเท่านั้น การวิเคราะห์ก็วิเคราะห์ไปตามปกติ

4.การคำนวณอัตราส่วนทางการเงิน


ที่มีปัญหาคือเวลาคำนวณอัตราส่วนทางการเงิน โดยเฉพาะ อัตราส่วนที่มีส่วนของทุนและกำไรสุทธิเข้ามาร่วมด้วย ต้องคิดว่าจะเอาอะไรมาคำนวณ

ROE


ROE ใช้ = กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ๋ / ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่เฉลี่ย

อัตรากำไรสุทธิ


ถ้าจะดูภาพรวม = กำไรก่อนหักส่วนได้เสียไม่มีอำนาจควบคุม /รายได้รวม
คำนวณแบบตลาดหลักทรัพย์ set = กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ๋ /รายได้รวม

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน


ถ้าจะดูภาพรวม = รวมหนี้สิน / รวมส่วนของผู้ถือหุ้น
คำนวณแบบตลาดหลักทรัพย์ set = รวมหนี้สิน / ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่

5.ค่าความนิยมและกำไรจากการต่อรองราคาซื้อ


เวลาไปซื้อกิจการบริษัทย่อย ในบางครั้งชอบซื้อในราคาแพงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (book value) ของบริษัทย่อย ส่วนที่เกินเขาเรียกว่าค่าความนิยม จะบันทกอยู่ในรายการสินทรัพย์ค้างเติ่งอยู่ในงบตลาดกาลจนกว่าบริษัทย่อยจะไม่นิยม ก็ตั้งเป็นรายจ่ายไป

ในทางกลับกันถ้าเราไปซื้อกิจการในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (book value) ของบริษัทย่อย ส่วนที่ต่ำกว่า จะกลายมาเป็นกำไรจากการต่อรองราคาซื้อกิจการ

เหตที่ ต้องบันทึกกำไรในงวดนั้นเนื่องจากการต่อรองได้สินทรัพย์มาถูกก็เป็นฝีมือของผู้บริหารในงวดนั้น ก็เลยต้องบันทึกงวดนั้นไปเลยให้เครดิตไป

ในบางคนก็บอกว่า ถ้ากิจการมันดีจริงแล้วคนขายจะขายให้ในราคาถูกทำไม

สรุปหวังว่าบทความนี้คงให้ความรู้ในการลงทุนไม่มากก็น้อยนะครับผม เจริญในการลงทุนทุกท่านครับผม




ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เทคนิคช้อนหุ้น เพิ่มหรือลดความเสี่ยงกันแน่

เทคนิคช้อนหุ้น เพิ่มหรือลดความเสี่ยงกันแน่

การช้อนหุ้น คือ การที่ราคาหุ้นปักหัวลง ลงจนคิดว่า มันไม่ลงไปกว่านี้อีก จึงควรซื้อเพราะ “เชื่อว่า” ซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด ต่อไปมันจะต้องขึ้น แล้วเราจะพลิกชีวิตกลายเป็นรวย แต่ปัญหาคือส่วนใหญ่มักจะเจ๊งออกมา เพราะหุ้นไม่วิ่งอย่างที่คิด แต่เราจะมีวิธีการช้อนหุ้นอย่างไรไม่ให้เสี่ยง มาดูกันครับ


1.Risk Reward Ratio เครื่องมือประเมินความคุ้มค่าความเสี่ยง


Risk Reward Ratio เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินว่า จังหวะที่เราจะเข้าลงทุนได้รับผลกำไรคุ้มค่ากับความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าผลตอบแทนที่ได้ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องรับมากเกินไปก็ไม่น่าช้อนซื้อ การคำนวณเริ่มจากรู้ว่า จะเข้าตรงไหน cut loss ตรงไหน และจากจุดที่เราเข้ามีเป้าราคาอยู่ที่ไหน โดยการคำนวณตามสูตรดังนี้

Risk Reward Ratio = Risk / Reward = (profit - entry) / ( entry – stop)

นักลงทุนหลายท่านจะซื้อเมื่อ Risk Reward Ratio สูง ๆ เกิน 3 เท่าขึ้นไปเท่านั้น ได้ก็ได้เยอะ เสียก็เสียไม่มากพอร์ทไม่พัง เป็นหัวใจของ money management คือมี  money ให้ manage ตลอดเวลา

Risk Reward Ratio 

2.ช้อนหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน


ระยะยาวแล้วหุ้นก็จะไปตามพื้นฐานเสมอ ถ้าหุ้นกำไรไม่โต ราคาก็ตก อนาคตกำไรเติบโตราคาหุ้นก็ยังวิ่งต่อไปได้ ดังนั้นการช้อนหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานต้องดูว่า ราคาหุ้นที่ตกลงมาเนื่องจากอะไร และต่อไปมีแนวโน้มที่จะกำไรกลับมาเติบโตได้อีกหรือไม่

การช้อนหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน PJW

ตัวอย่างหุ้น PJW ทำธุรกิจโรงงานผลิต แกลอนน้ำมัน ขวดนม ชิ้นส่วนรถยนต์ เข้า IPO นำเงินไปสร้างโรงงานใหม่ หลังจากเปิดโรงงานมารายได้ก็ยังไม่คุ้มทุนซักที มีไตรมาสสี่ที่ผ่านมากำไรเพิ่มเป็นไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 1 ก็ยังกลับมาเติบโตอีก ส่วนไตรมาสต่อไปก็วัดใจเอาครับ

การเข้าไปช้อนซื้อต้องรอให้มีสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาก่อน เริ่มจากระบุปัญหาของธุรกิจว่าเกิดจากอะไร ยกตัวอย่าง PJW กำไรตกเพราะยังผลิตไม่ถึงจุดคุ้มทุน เมื่อออดเดอร์มากขึ้น อัตราหมุนเวียนทรัพย์สินก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น เมื่อบวกกับต้นทุนเม็ดพลาสติกลดลง อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น กำไรเพิ่ม สตอรี่มา งบยืนยันก็สามารถช้อนซื้อได้ครับผม

3.กลยุทธ์ย่อรับแบบตามเทรน


เคยเห็นบางคน ใช้เทคนิคย่อรับแบบตามเทรน โดยการหาหุ้นที่กำลังวิ่งอยู่บนเทรน แล้วพายามหาเส้นที่รับอยู่ เช่น INET พอราคาลงมาที่เส้น 20 วันแล้วเด้งทุกที สายย่อต้องใช้ใจหน่อยโดยการ พอเห็นราคาลงมาที่เส้น แล้วดูว่าน่าจะรับอยู่ก็ซัดเลย ถ้ามันวิ่งก็ได้เงิน ปล่อยให้รันเทรนไป ถ้าไม่วิ่งและราคาลงมาก็ต้องทำใจคัดขาดทุนไป หาตัวใหม่
ตัวอย่างกลยุทธ์การรับหุ้นที่เส้นค่าเฉลี่ย
จะเห็นว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบย่อรับก้มีได้บ้างเสียบ้างสลับกันไป ต้องลองทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลังเรื่อยๆครับ

4.สายย่อแบบไม่เป็นเทรน


หุ้นบางทีเรามองแล้วว่าไม่เป็นเทรนเพราะ กำไรก็ยังไม่ได้โตไปไหน ราคาคงไปไหนได้ไม่ไกล ก็คงวนๆ อยู่ในกรอบ ถ้าจับยังกับพื้นฐานราคาหุ้นอาจวนอยู่ในกรอบ PE ที่เป็นไปได้ เช่นระหว่าง 10-20 เท่า ไปไหนได้ไม่ไกล
กลยุทธ์การช้อนหุ้นตามกรอบการเคลื่อนไหวของราคา

เมื่อรู้อย่างนี้เมื่อหุ้นลงมาเยอะ ๆ บางคนเอาชัวร์ เช่น ต้องให้หลุดกรอบโบลิงเจอร์แบนมาถึงเข้า ค่อยไปขายเมื่อราคาหุ้นวิ่งไปที่เส้นค่าเฉลี่ย หรือวิ่งกลับไปที่กรอบบน เพื่อเพิ่มความมั่นใจอาจดู RSI เพื่อคอนเฟริมว่ามันจะตกจริงหรือไม่ ช่วยได้อีกก็ได้


โดยสรุปจะเห็นว่า การช้อนหุ้นให้ไม่เสี่ยงต้องคำนึงถึงผลได้กับความเสี่ยงเป็นสำคัญ ถ้าผลได้ไม่ค่อยคุ้มกับความเสี่ยงก็อย่างไปเล่นมันเลย ใครไม่อยากเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือเดินหมากผิด ก็ลองเข้ามาดูเทคนิคการลงทุนดี ๆ ได้ที่ลิงก์นี้นะครับ https://www.krungsri.com/bank/th/KrungsriGuru/Investment.html