1.ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
หาอ่านได้ตามเว็บทั่วไปครับผม มูลค่าเงินตามเวลา Future value, Present value, ทฤษฎีค่าเสียโอกาส, NPV, Gordon growth model
2.การตัดสินใจลงทุนด้วย NPV
NPV หรือ Net present value เป็นการเปรียบเทียบว่าถ้าสองโครงการให้ผลตอบแทนในอนาคตเท่ากัน นำมาคิดลดเป็น เงินลงทุนในปัจจุบันที่ต้องใช้ (PV) ว่าทางเลือกไหนใช้เงินต่ำกว่าก็ตัดสินใจลงทุนทางเลือกนั้นเพราะเป็นทางเลือกทีี่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
3.สมมติฐานของแบบจำลอง
ตัดสินใจลงทุน ในหุ้นด้วยราคาเสนอขาย P0 สิ่งที่ได้รับคือ เงินปันผลในอนาคต ที่เติบโตเรื่อยๆ ด้วยอัตราผลตอบแทนทบต้น g ไปไม่มีที่สิ้นสุด โดยมีค่าเสียโอกาสคือ k เป็นตัวแทนของผลตอบแทนทบต้นของทางเลือกที่เราสละไป ว่าซื้อหุ้นให้ผลตอบแทนคุ้มค่าเสียโอกาสหรือไม่
3.1เงินลงทุนและผลตอบแทนของโครงการที่เราสนใจ
ลงทุน ที่ราคาปัจจุบันเท่ากับ P0
สิ่งที่ได้ D1 + D1*(1+g) + D1*(1+g)^2 + ..... + บวกไปเรื่อยๆถึงอนาคตอันไกลโพ้นไม่มีที่สิ้นสุด
3.2เปรียบเทียบกับโครงการทางเลือก
ถ้าต้องการผลตอบแทนเท่ากับกระแสเงินสดในอนาคต ที่เท่ากับข้อ 3.1 มีลักษณะคือเติบโตเรื่อยๆ ด้วยอัตราผลตอบแทนทบต้น g ไปไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยผลตอบแทนเท่ากับ k ต้องใช้เงินลงทุนในปัจจุบันเท่ากับ
PV = D1/(1+k)^1 + (D1*(1+g))/(1+k)^2 + (D1*(1+g)^2)/(1+k)^3 + ...........+ บวกไปเรื่อยๆถึงอนาคตอันไกลโพ้นไม่มีที่สิ้นสุด
จาก Gordon growth model จะได้
PV = D1/(k-g)
3.3ตัดสินใจลงทุน
ตัดสินใจลงทุน โดยการเปรียบเทียบเงินที่จ่ายในการซื้อหุ้นที่ P0 เที่ยบกับมูลค่าของเงินในปัจจุบันถ้าต้องการกระแสเงินสดในอนาคตเท่ากับกระแสเงินสดจากการซื้อหุ้น
NPV = PV - P0
NPV = D1/(k-g) - P0
กรณีที่ 1 NPV > 0
D1/(k-g) > P0
แสดงว่าให้เงินอานาคตเท่ากับ การลงทุนทางเลือกใช้เงินมากกว่าซื้อหุ้น แสดงลงทุนหุ้นคุ้มกว่า คนจะแห่กันมาซื้อหุ้น หุ้นจะปรับตัวขึ้น
กรณีที่ 2 NPV < 0
D1/(k-g) < P0
แสดงว่าให้เงินอานาคตเท่ากับ การลงทุนทางเลือกใช้เงินน้อยกว่าซื้อหุ้น แสดงลงทุนหุ้นไม่คุ้ม คนจะแห่กันมาขายหุ้น เอาเงินมาลงทุนโครงการที่ให้ผลตอบแทนเท่ากับ k หุ้นจะปรับตัวลง
4.การกำหนดมูลค่ายุดิธรรม
มูลค่ายุติธรรม หรือราคาเหมาะสม คือราคาที่ทำให้ NPV = 0 หรือเป็นจุดที่ลงทุนได้ผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) = k นั่นเอง
NPV = 0 = PV - Pเหมาะสม
Pเหมาะสม = D1/(k-g)
5.การใช้งาน
ถ้า P0 < Pเหมาะสม ซื้อเพราะซื้อหุ้นให้ผลตอบแทนมากกว่าคาดหวัง
ถ้า P0 > Pเหมาะสม ขายเพราะซื้อหุ้นให้ผลตอบแทนน้อยกว่าคาดหวัง
6.ข้อควรระวัง
ราคาที่คำนวณได้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อสมมติฐานเป็นจริง คือเงินปันผลโตเรื่อยๆเท่ากับ g ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าบริษัทที่เราจะวัดมูลค่าลักษณะของผลประกอบการไม่เหมือนสมมติฐานแบบจำลองยังไงก็วัดไม่แม่น
ค่า g และค่า k ควรประมาณการด้วยผลตอบแทนแบบทบต้นจะเหมาะสมกว่า
7.การใช้งาน ไฟล EXCEL ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยแบบจำลองคิดลดเงินปันผล
ไฟล์ EXCEL ช่วยประมาณการราคาเหมาะสมด้วย วิธีคิดลดเงินปันผล (Dividend discount model)
สูตรง่ายๆคือ
P = D1/(k - g) ประมาณการดังนี้
D1 ปันผลปีหน้า
ถูกประมาณการด้วย ปันผลปีนี้ D0 x การเติบโต g
K ประมาณการด้วย ทฤษฎี CAPM
k = Rf + Beta(RM - Rf)Rf Risk free ประมาณการด้วย ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปี ดูได้ที่หน้าแรกของ www.set.or.th จะมีบอกอยู่
ฺBeta แสดงความสัมพันธ์ระห่วาง set กับ ราคาหุ้นที่เราสนใจ ดูข้อมูลที่ facet sheet ของตลาดหลักทรัพย์ เปลียนตรง URL symbol=PB เป็นหุ้นทีต้องการ
http://www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=PB&ssoPageId=3&language=th&country=TH
RM เป็นผลตอบแทนตลาด
ใช้ดัชนีผลตอบแทนรวม SET TRI เข้าไปดูได้ที่ http://www.set.or.th/th/market/tri.html คำนวณจากสูตร ((ปลาย/ต้น)ู^(1/จำนวนปี))-1
จากตารางใส่แค่ เริ่มต้น กับ วันปัจจุบัน จะคำนวณผลตอบแทนมาให้อัตโนมัติ
สมติฐานการเติบโต
ผมทำตารางให้สามารถคำนวณแบบ Two-Stage Divident Discunt Model
แบบการเติบโตเป็น สองช่วง
การเติบโตช่วงแรก กำหนดการเติบโต และจำนวนปีว่าจะให้โตกี่ปี
การเติบโตช่วงที่สอง จะเป็นการเติบโตปีต่อจากช่วงแรกไปถึง ไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าอยากให้โตเป็นช่วงเดียว ก็กำหนดการเติบโตทั้งสองช่วงให้เท่ากัน
ความยากคือ การเติบโตต้องเป็นการเติบโตของปันผลในระยะยาว
การคำนวณราคาเหมาะสม
ตารางจะนำสมมติฐานที่เรากำหนดมาเป็นราคาเหมาะสมให้เยี่ยมจริง
P = D1/k-g
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับผม