การอ่านงบกระแสเงิสดช่วยให้เข้าใจที่มาที่ไปของเงินในกิจการว่า มาจากไหนและถูกใช้ไปที่ใหนบ้าง หลายคนอ่านแล้วก็งงๆ สับสนกับชีวิต อะไรก็ไม่รู้บวกๆลบๆ เต็มไปหมด บทความนี้ก็เป็นการเล่าที่มาถึงแก่นว่างบกระแสเงินสดมีที่มาจากอะไร เพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างงบกระแสเงินสดและ Discount Cash Flow
ในการประเมินมูลค่ากิจการ วิธีการประเมินมูลค่าด้วยการคิดลดกระแสเงินสดหรือ Discount Cash Flow
เป็นวิธีที่ดูดีในเชิงทฤษฎี แต่ยากในเชิงปฎิบัติ เพราะตัวแปรเยอะมึนไปหมด
- มูลค่ากิจการ = กระแสเงินสดอิสระ / ต้นทุนเงินทุนเฉลี่ย (WACC) - g
- กระแสเงินสดอิสระ = EBIT + DA - การเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน(Net Working Capital) -ภาษี - เงินลงทุนในสินทรัพย์ฐาวร (CAPital EXpenditure CAPEX)
- wacc คือต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของเงินทุน ระหว่างเงินกู้และเงินทุน
เวลาประมาณการก็ใช้ตัวเลขจากงบการเงินมาปรับให้เข้ากับแนวคิดทางการเงินซึ่งมันไม่ค่อยลงรอยๆกันเท่าไร เลยออกมาเป็นงบกระแสเงินสด โดยจะแบ่งเป็น 6 จุดหลักๆ ดังนี้
1.EBIT
บรรทัดแรกของงบกระแสเงินสด จะยก EBIT เป็นตัวตั้ง บางบริษัทก็ยกกำไรสุทธ์ บางบริษัทก็ ยกกำไรก่อนภาษีเข้ามา สรุปจะเอาอะไรมาก็คือบรรทัดแรกที่เป็นตัวตั้งนั่นและ
2.EBITDA
ในตำราเรียนงบการเงินมันไม่มีตัวปรับปรุงทางบัญชีที่เป็นรายได้หรือรายจ่ายอะไรที่ไม่ใช่เงินสดนอกจากค่าเสื่อม ดังนั้นแค่เอา EBIT + ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (DA) ก็ได้ EBITDA หรือเงินสดจากการดำเนินงานก่อน การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานแล้ว (NWC) แต่จริงๆ แล้ว สินทรัพย์หรือหนี้สินทุกตัว สามารถตั้งด้อยค่า หรือตีค่าเพิ่มได้หมด ดังนั้นทำให้งบกำไรขาดทุนมีรายการปรับปรุงทางบัญชีมากกว่าแค่ ค่าเสื่อม นักบัญชีเลยทำง่ายๆ โดย
- รายได้ที่ไม่เป็นเงินสด ที่เกิดจากมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือหนี้สินลดลง นำมาหักออก
- รายจ่ายที่ไม่เป็นเงินสด ที่เกิดจากมูลค่าสินทรัพย์ลดลงหรือหนี้สินเพิ่มขึ้น นำมาบวกกลับ
บริษัทที่ดีๆ รายการปรับปรุงทางบัญชีเหล่านี้ควรยอดน้อยๆ
ทำให้การวิเคราะห์อัตรา กำไรขั้นต้น EBIT และอัตรากำไรสุทธิ
น่่าเชื่อถือขึ้น
ACC
|
รายการปรับปรุงทางบัญชีของ ACC
กดที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ |
ตัวอย่างรายการปรับปรุงทางบัญชีของ ACC บริษัท แอ็ดวานซ์ คอนเนคชั่นคอร์เปอเรชั่นจากด (มหาชน) (ADVANCED CONNECTION CORPORATION PUBLIC COMPANY LIMITED) หรือ CEI เก่า แปลงร่างมา
ส่วนที่ทำไฮไลท์เหลืองๆไว้จะเป็น รายจ่ายที่ไม่ใช่เงินสด ก็เอามาบวกกลับ จะเห็นว่าจากขาดทุนทางบัญชี 135 ล้าน เหลือกำไรที่เป็นเงินสดๆ อยู่ 13 ล้าน
THAI
|
งบกระแสเงินสดของ THAI Q1 2560 |
ตัวอย่างของงบการเงิน THAI ในไตรมาส 1 2560จะเห็นว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ 1700 ล้าน ในขณะที่สินทรัพย์ด้อยค่าเป็นรายจ่าย ทั้งการด้อยค่าสินทรัพย์ถาวร สินทรัพย์อื่น ที่เห็นเป็นค่าบวก แสดงว่าเป็นรายจ่ายในงบกระแสเงินสด
3.การเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน Net Working Capital
การเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียน Net Working Capital ก็คือ การเปลี่ยนแปลงใน สินทรัพย์หมุนเวียน และหนี้สินหมุนเวียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ การดำเนินงาน ยอดขายเพิ่ม ลูกหนี้ สินค้าคงเหลือ เจ้าหนี้การค้าก็จะเพิ่ม แต่ ในทางปฎิบัต สินทรัพย์และหนี้หมุนมีมากกว่่า 3 ตัวหลักนี้ ก็นำมารวมด้วย แต่ส่วนใหญ่ค่าจะไม่มาก
ACC
|
การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานของ ACC
กดที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ |
ACC เงินสดหายไปกับ (ค่าลบ) ลูกหนี้การค้า สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น เจ้าหนี้การค้า
การดูว่าการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานเป็นปกติหรือไม่ให้ดูที่ อัตราส่วนทางการเงิน วงจรเงินสด ถ้าวงจรเงินสดยังปกติแสดงว่า การเปลี่ยนแปลงในงบกระแสเงินสดเป็นปกติ
จากงบผมว่าไม่ค่อยปกติเท่าไรเพราะ ระยะเวลาเก็บหนี้ ขายสินค้า และชำระเจ้าหนี้ลดลงหมด แสดงว่าเหมือนไม่ค่อยอยากทำธุรกิจเดิมเท่าไร ล้างบางธุรกิจเก่าไปเรื่อย
THAI
|
การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินของ THAI |
กรณีศึกษาหุ้น THAI เงินได้มาจากหนี้สินก็นำไปจมกับสินทรัพย์ ส่วนใหญ่จมกับลูกหนี้การค้า
4.หักภาษีได้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน CFO
เอาตัวเลขจากข้อ 3 มาหัก ภาษีก็จะได้ CFO หรือเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน บางบริษัทจะเอาดอกเบี้ยมาหักตรงนี้ด้วยก็ได้ มาตรฐานบัญชีไมได้ห้าม
การวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะเอาไปเปรียบเทียบกับงบกำไรขาดทุน บริษัททีดี ควรมี CFO กับกำไรสุทธิทางบัญชีใกล้เคียงกัน
ACC
|
CFO ของ ACC |
จาก CFO ของ ACC จะเห็นว่าในปี 2558 ACC ทำมาหากิน แล้วไม่มีเงินจากการดำเนินงาน เงินออกไป 43 ล้านบาท
THAI
|
CFO ของ THAI |
5.เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน CFI
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน CFI จะแสดงเงินที่ลงทุนกับสินทรัพยไม่หมุนเวียน ส่วนใหญ่ลงทุนเพื่อสร้างอนาคตการเติบโตของบริษัท หรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
CAPEX ไม่ใช่ CFI ทั้งจำนวน ให้เราพยายามดู เงินลงทุนที่สามารถเอาไปสร้างรายได้ให้กิจการในอนาคต อย่างในปี 2557 เงินที่เอาไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (คุ้มขันโตก) ทีี่มองเป็น CAPEX เพราะตอนนี้แทบจะเป็นรายได้หลักของกิจการ
ถ้าจะใช้ตัวเลขนี้ในการประมาณ FCF ต้องดูว่ารายการนี้จะเป็นการลงทุนปกติที่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีหรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่ควรนำรายการนี้มาใช้เพราะบริษัทไม่ได้ลงทุนรายการนี้ทุกปีจะเห็นว่า ในปี 2558 ก็ลงทุนซื้อที่อสังหาเพื่อการลงทุนเพียง 11 ล้าน
ส่วนเงินลงทุนใน เงินลงทุนชั่วคราว เป็นการหมุนเงินเพื่อบริหารเงินเท่านั้น ไม่ได้ทำทุกปี
การวิเคราะห์ บริษัทที่ดีควรมีการลงทุนใน CAPEX ทุกปีและ ROE ROA
ควรสม่ำเสมอ ทุกปีแปลว่าลงทุนแล้วคุ้มทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
เพราะถ้าลงทุนแล้วไม่สามารถสร้างรายได้ได้คุ้มค่าเสื่อมค่าดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
หรืออุตสาหกรรมเริ่มอิ่มตัว ยิ่งขยายการลงทุนกำไรยิ่งโตช้าลง
สิ่งที่เห็นในงบคือมีการลงทุนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ ROA ROE ค่อยๆลดลง
ACC
|
CFI ของ ACC |
จะเห็นว่า ACC ไม่ค่อยได้ลงทุนอะไรเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในบริษัร่วม ต้องไปตามว่าลงทุนอะไร แต่ต่อนนี้ปี 2560 แล้วก็ยังไม่เห็นอะไรงอกงามเท่าไรตามต่อไปครับ
THAI
มาดูของหุ้น THAI ไตรมาส 1 ยังไม่เห็นการลงทุนอะไรมากมาย ซื้อที่ดินอาคารอุปกรณ์ไป 700 ล้าน เมื่อนไปเทียบกับค่าเสื่อมราคาที่ยอด 4000 กว่าล้าน ถือว่าในไตรมาสนี้ลงทุนไปน้อยมาก
6.เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน CFF
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน จะแสดงการเปลี่ยนแปลงในหนี้ และทุน บริษัทที่ดีควรมีโครงสร้างหนี้และทุที่เหมาะสม หนี้น้อยไปคนก็ว่าโง่ เพราะไม่รู้จักรวยได้เงินคนอื่น แต่ถ้าหนี้มากเกินไป ต้นทุนทาการเงินก็สูง ดอกเบี้ยเยอะ กำไรลดลงลงอีก แถมมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายสูงขึ้นด้วย
ACC
|
CFF ของ ACC |
จะเห็นว่า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงินของ ACC มีเงินเข้าแค่ทางเดียวคือ จากการเพิ่มทุนมาก 216 ล้านบาทไม่มีหนี้สิน
THAI
|
CFF ของ THAI |
จะเห็นว่ากระแสเงินสดจัดหาเงินของ THAI ส่วนใหญ่ใช้กับการคืนหนี้และดอกเบี้ย จะเห็นว่า CFO 7000 กว่าล้าน จ่ายหนี้จ่ายดอกเบี้ยไป 6000 ล้านก็เงินหมดละ
|
ภาพรวม ของกระแสเงินสด
กดที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ |
สรุป การอ่านงบกระแสเงินสด ก็เหมือนเป็นการดูกระแสเงินสดอิสระของกิจการว่าในปีนั้น บริษัทสามารถสร้างเงินสดมาได้เท่าไร เราสามารถใช้งบกระแสเงินสดเป็นสมมติฐานตั้งต้นของการประเมินกระแสเงินสดอิสระได้ โดยเลือกตัวเลขที่ดูว่าเป็นกิจกรรมปกติของธุรกิจ ส่วนรายการที่ดูแล้วไม่ใช่กิจกรรมปกติมาแค่ครั้งเดียวก็ไม่ควรนำเข้ามาในสมมติฐาน
☀หลักสูตรวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน☀
✅เจาะลึกหุ้นอย่างเซียน เห็นผลจริง100% สไตร์ อ.ภัทร
✅Workshop !! ทำจริง เห็นผลจริง พิสูจน์ได้
✅เรียนคลาสเล็ก ถามได้ทุกคำถามคาใจ
☀เรียนแล้วได้อะไร☀
✅10 จุุดสำคัญอ่านงบการเงิน วิเคราะห์ธุรกิจไม่เสียเวลา
✅ปัจจัยเร่ง ให้หุ้นวิ่ง และสัญญาณยืนยันในงบการเงิน
✅ประมาณราคาเหมาะสม เห็นเป้าราคาหุ้นตั้งแต่วันที่ซื้อ
✅เคล็ดลับสแกนหุ้น ถูก ดี กำไรโต
🔈สอนโดย อ ภัทรธร ช่อวิชิต
นักลงทุนอิสระ เจ้าของผลงานหนังสือ คุ้ยแคะแกะหุ้นเด้ง และเจาะหุ้นร้อนสแกนหุ้นเด้ง
=======================================
🔈รายละเอียดหลักสูตร วันเวลา
www.investidea.in.th/p/value-investor.html
=======================================
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
มือถือ: 0865035023
ข้อความ;
www.facebook.com/messages/investidea.in.th/
line id; pat4310
=======================================
☀เนื้อหาหลักสูตร☀
✅แหล่งข้อมูลการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน งบการเงิน คำอธิบายงบ ตัวเลขเศรษฐกิจ
✅วิเคราะห์ ปัจจัยเชิงคุณภาพ ผลกระทบต่องบการเงิน และแนวโน้มราคา
✅โครงสร้างงบดุล และลักษณะธุรกิจ จุดสำคัญที่ต้องดูในงบการเงิน
✅งบกำไรขาดทุน ลักษณะงบการเงินที่ดี
✅งบกระแสเงินสด และความสัมพันธ์กับวงจรธุรกิจ
✅การค้นปัญหาธุรกิจใน 1 นาที ด้วยอัตราส่วนทางการเงิน
✅ปัจจัยทางการเงินที่มีผลต่อทิศทางราคาหุ้น
✅การประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PE ratio เทคนิคการใช้งานกับแต่ละอุตสาหกรรม
✅ดูความเห็นของนักลงทุนส่วนใหญ่ผ่านการเคลื่อนไหวของราคา
=======================================
☎ติดต่อสอบถามและลงทะเบียน (รับจำนวนจำกัด)
มือถือ: 0865035023
ข้อความ;
www.facebook.com/messages/investidea.in.th/
line id; pat4310