เขาว่าธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่นิยมเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ธุรกิจสายการบินมันต้องได้ประโยชน์บ้างละน่า ฟังเขาว่ามาแล้วก็ลองมาส่องงบการเงินดูซะหน่อยว่า ใครดีใครด้อยครงไหน
จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว |
ความอยู่รอด
ความอยู่รอด |
ถ้าเรียงตาม DE ratio จะเห็นว่า THAI มีหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่อทุนมากสุดที่ 4.96 เท่า AAV BA พอๆกันที่ 0.4 กว่าๆ NOK ไม่มีหนี้เลย และหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ระยะยาวดูจากสัดส่วนหนี้สัดต่อหนี้รวมที่ต่ำก็ถือว่าจัดโครงสร้างหนี้ได้เหมาะสม เพราะเครื่องบินอายุการใช้งานยาวก็ควรกู้ยาวมาใช้
ดูที่ความสามารถในการชำระหนี้กันบ้าง AAV ความสามารถในการชำระหนี้สูงสุด Interest coverage สูงสุดที่ 7.31 เท่า รองลงมาเป็น BA ส่วน THAI NOK เสี่ยวหน่อยเพราะงบขาดทุน
แต่ถ้าดูว่ากระแสเงินสดพอจ่ายดอกไหมจากอัตราส่วน Modified interest coverage ที่เอากระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนจ่ายดอกเบี้ยเทียบกับดอกเบี้ยจ่ายยังมีค่าเป็นบวกอยู่แสดงว่ายังพอจ่ายไหว
และหลังจากจ่ายดอกเบี้ยดู Payback Period AAV ดีสุด 2.41 ปีจ่ายหมด รองลงมาเป็น BA และยาวสุดคือ THAI ที่ 6.18 ปี AAV จ่ายหนี้หมดไวกว่าก็แสดงว่าขยายกิจการได้ไวว่า BA
ตอนแรกว่า THAI น่าเป็นห่วงแต่ยงมีเงินสดจากการดำเนินงานมาช่วยทำให้จ่ายได้ทั้ง เงินต้นและดอกเบี้ย ดูแล้วปัญหาที่สุดคือ NOK ถึงหนี้น้อยแต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานติบลบสภาพคล่องจะไม่ค่อยดีเท่าไร
การสร้างเงินสด
การสร้างเงินสด |
มาดูการจัดการภายในกันบ้าง ว่าใครนำสินทรัพย์ไปสร้างรายได้ได้ดีกว่ากัน จากอัตราส่วนหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset turnover) คนที่นำสินทรัพย์ไปสร้างรายได้ได้มากที่สุดคือ NOK เนื่องจากส่วนใหญ่เครื่องบินไม่ค่อยมีเป็นของตัวเอง ถ้าไปดูในงบการเงินที่ดินอาคารอุปกรณ์น้อยมากส่วนใหญ่เป็นเงินสดและเงินลงทุน รองลงมาเป็น THA AAV ถัดมาเป็น BA
ถ้าเทียบผลตอบแทนในรูปเงินสด BA สูงสุดที่ 27% รองลงมาเป็น NOK ถัดมาเป็น AAV และสุดท้ายคือ THAI จะเห็น ว่าสินทรัพย์ของ AAV THAI ไม่ได้แย่สร้างรายได้ได้พอๆกันแต่จุดตางคือ ผลตอบแทนในรูปเงินสดที่สินทรัพย์สร้างได้ AAV สูงกว่า THAI มาก แต่ก็ยังน้อยกว่าพวกเช่าเครื่องบินเช่น BA NOK
กำไรทำกำไร
การทำกำไร |
รายได้โตยังไม่สำคัญเท่ากำไรโต คนที่รายได้โตสุดมีสองเจ้าคือ AAV กับ THAI เติบโตเมื่อเที่ยบแบบ YoY ถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น BA THAI พอๆกันที่ 18% กว่า AAV เป็น lowcost ต่ำหน่อยที่ 15% NOK ไม่ต้องพูดถึงขาดทุนตั้งแต่กำไรขั้นต้นกันเลยทีเดียว
มาดูด้านการจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ฺBA สูงสุดที่ 17% ของยอดขาย รองลงมาคือ AAV ต่ำสุดคือ THAI ถ้าคิดเฉพาะกำไรจากการดำเนินงาน BA ต่ำมาก เพราะ กำไรขั้นต้น 18% โดนค่าใช้จ่ายขายและบริหารไปอี17% เหลือจริงๆไม่เท่าไรเอง
มาดูกันที่ EBIT margin BA กลายเป็นสูงสุดที่ 14% เนื่องจากมีรายได้จากกองทุนสนามบินที่เขาไปถือหุ้นมารวมอยู่ด้วย และส่วนหนึ่งที่ไปถือหุ้น BDMS อยู่ 6% พอได้ปันผลก็บันทึกเข้ามารวมเป็นรายได้อื่นด้วย AAV มี EBIT ที่ 10% ใช้ได้อยู่
ส่วนอัตรากำไรสุทธิ BA ไปโดนค่าใช้จ่ายพิเศษจากภาษีที่มาเป็นรายจ่ายครั้งเดียวทำให้อัตรากำไรในไตรมาศต่ำผิดปกติ
ในแง่ของคุณภาพกำไร BA AAV ค่าใกล้ๆ 1 แสดงว่าเงินสดจากการดำเนินงานใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ ส่วน THAI กระแสเงินสดล้ำกำไรสุทธิไปกว่า 9 เท่า แสดงว่า กำไรที่เห็นโดนค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นเงินสดกินไปเยอะเงินสดล้นบริษัทแต่ไม่สามารถปันผลออกไปได้
UPDATE งบการเงินไตรมาส 1 2017
งบการเงิน AAV |
งบ AAV ผ่านไป 1 ปี ด้านโครงสร้างเงินทุนก็ปกติ สัดส่วนของหนี้กับทุนใกล้ๆเดิมไม่น่ากลัวอะไร สินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน หนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้ไม่หมุนเวียน
ด้านการใช้สินทรัพย์ สินทรัพย์โต รายได้โตปกติดี
การทำกำไร รายได้โตกำไรโต แต่จะเห็นว่าอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นๆลงๆตามราคาน้ำมัน ในไจรมาส สี่ ปี 2559 โดนเรื่องทัวร์จีน ไตรมาส 1 โดนเรื่องราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น และการเพิ่มภาษีน้ำมัน
งบการเงิน BA |
งบ NOK |
NOK นี่ชีวิตบัตซบมาก รายได้โต แต่งบขาดทุนกระจุยกระจาย ในไตรมาส 1 รายได้เพิ่ม อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มเป็นบวก แต่ก็ยังไม่พอค่าใช้จ่ายขายและบริหารรอต่อไปนะครัส
ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน
ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.htmlหรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023