บริษัทที่ทำธุรกิจเดินเรือเป็น cycle stock ที่ผลประกอบการถูกกำหนดโดยปัจจัยภายนากซะเยอะ ถ้าปัจจัยภายนอกดีเดียวกำไรก็โตราคาวิ่งกระฉูด ธุรกิจพวกนี้รายรับขึ้นกับดัชนีค่าระวางเรือ ต้นทุนที่ขึ้นกับราคาน้ำมัน
คู่แข่งก็เข้ามากันง่ายๆเห็นค่าระวางเรื่อสูงๆ กำไรดีก็สั่งต่อกันเยอะแยะ แล้วก็มาตัดราคากัน
ธุรกิจสายเรือจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
เรือที่แล่นในตลาดหุ้นไทยสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักๆคือ เรือเทกอง กับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ รายรับจะขึ้นๆ ลงๆ ตามดัชนีครับ
- ถ้าจะเล่นหุ้นที่เป็นเรือเทกอง (tta, psl) ดัชนีที่เกี่ยวข้องก็คือ
- BDI (Baltic Dry Index)
- ถ้าจะเล่นหุ้นที่เป็นเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ (rcl) ดัชนีที่เกี่ยวข้องก็คือ
- HRCI (Howe Robinson Containership Index)
- CCFI (China Containerize Freight Index) **
- SCFI (Shanghai Containerize Freight Index) **
สำหรับ RCL เขาว่าให้ดู CCFI, SCFI เพราะส่งไปจีนเยอะ
เรื่อง demand supply ของเรือก็ต้องใส่ใจ
นอกจากต้องเกาะติดเรืองดัชนีค่าระวางเรือแล้วก็ต้องติดตามอัตราการสั่ง
ต่อเรือด้วย
ช่วงที่ค่าระวางสูงๆคนก็สั่งต่อเรือกันยกใหญ่จนตอนนี้เรือมีเป็นจำนวนมากจึง
เกิดภาวะ over supply เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการดำเนินงาน
ต้องรอให้จำนวนเรือสั่งต่อน้อยลงเรื่อยๆ
และผู้เล่นรายเล็กหายไปจากตลาดแหละครับ ผู้ที่ใหญ่กว่าจะอยู่ได้
สู้ต่อไปสายเรือทั้งหลาย
แต่น้องสละเรือไปก่อนละ รอเศรษฐกิจโลกดีๆ ค่าระวางพุ่ง สายเรือเล็กล้มละลายเยอะๆ เดี๋ยวเจอกัน เหอเหอ
เรื่อกับเหล็ก
เหล็กมันหนักก็ต้องขนทางเรือครับ เรือเทกองจะได้ประโยชน์ ช่วงไหนตลาดเห็นเหล็กขึ้นก็จะไปเกร็งเรือเทกองกันครับ เพราะเชื่อว่าจะได้ประโยชน์
เรียบเรียงจากเว็ป thaivi http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=51683
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม