หม้อแปลงของ akr |
ทีนี้เขาอยากโตก็ระดมทุนเข้าตลาดโม้ว่าจะมาทำโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลครับ ภายใต้บริษัทย่อยที่ชื่อว่า เอกรัฐโซล่าร์ จำกัด
ทำไปซักพักแข่งขันกับผู้ผลิตจากจีนก็ไม่ได้ รัฐก็ไม่สนับสนุน ตอนนี้ปัญหาคือโรงงานของบริษัทย่อยเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สร้างรายได้ และมีหนี้ให้ปวดหัวเล่นที่ 1,320 ล้าน เมื่อ 31 มีนาคมปีที่แล้วปรับโครงสร้างหนี้ไป 1320 ล้านมีเงื่อนไขดังนี้
- 500 ล้านยกให้ ถ้าจ่าย 2 - 3 หมด
- 500 ล้านแบ่งจ่าย 7 ปี
- 300 ล้านขายโรงงานบริษัทย่อยมาใช้หนี้
ตอนนี้ปัญหาคือ 300 ล้านต้องจ่ายภายในเดือน มีนาคม 2556 ยังเร่ขายไม่ออกเบย
ถ้าไม่เอาออกตอนนี้บริษัทแม่ต้องเอาเงินไปเลี้ยงบริษัทย่อยๆผ่านรายการเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย ประมาณ q ละ 20 ล้าน เพื่อเอาไปจ่ายดอกเบี้ย และค่าดำเนินการนิดหน่อยๆครับ
ที่น่าสนใจคือปีที่แล้วบริษัทได้ล้างขาดทุนสะสมโดยการลดทุน + นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้าง ทำให้ตอนนี้งบเฉพาะกิจการไม่มีขายทุนสะสมพร้อมจ่ายปันผล หรือเพิ่มทุนในกรณีเลวร้ายที่สุดครับ
สรุปว่าช่วงปี 2556 นี้ เป็น shot วัดใจครับว่าหวยจะออกแนวทางไหน โดยสรุปจะมีอยู่ 3 แนวทาง ที่จะปลดล็อคได้ คือ
- ขาย เอกรัฐโซล่าร์ ให้ได้(หากรัฐบาลมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่ชัดเจน โอกาสขายได้ก็มี)
ผลกระทบ - ถ้าหากผู้ซื้อ ซื้อหุ้นทั้งหมดของ เอกรัฐโซล่าร์ งบการเงินก็จะแสดงแต่งบของ เอกรัฐวิศวกรรม เท่านั้น ซึ่งงบกำไรขาดทุน ก็จะดีขึ้นทันที ,เงินลงทุนในบริษัทย่อย ที่เคยตั้งด้อยค่าไว้ก็จะถูกบวกกลับตามราคาที่ขายได้ ,เงินที่ได้จากการขายเอกรัฐโซล่าร์ ก็นำไปใช้หนี้ตาม สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนมาชำระหนี้ ส่วน 300 ล้านบาท ที่ต้องชำระปี 57(หากขายได้เงินเพียงพอต่อการชำระหนี้) - รีไฟแนนซ์ จาก ธ.ทหารไทย ไป ธ.xxx แล้วดำเนินการปิดกิจการ เอกรัฐโซล่าร์
คงมีหลายๆคนสงสัยว่า ในเมื่ิอเอกรัฐโซล่าร์ขาดทุน ทำไมไม่ปิดทิ้งไป ค่าใช้จ่ายจะได้ลดลง งบกำไรขาดทุน จะได้ดูดีขึ้น? ส่วนตัวคิดว่า น่าจะมีเหตุผล 2 อย่าง 1. เมื่อมีผู้ซื้อ ผู้ซื้อสามารถดำเนินกิจการต่อได้ทันที 2. (อันนี้สำคัญ)การปิดเอกรัฐโซล่าร์ จะทำให้ต้องบันทึกสินทรัพย์ในมูลค่าที่อาจจำหน่ายได้ แทนที่มูลค่าสินทรัพย์ตามงบดุลในปัจจุบัน เช่น ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เฉพาะของเอกรัฐโซล่าร์ บันทึกที่ 810 ล้าน ถามว่าถ้าขายจะขายได้ 810 หรือเปล่า คำตอบ คือ ไม่ถึงแน่ๆ แล้วเท่าไหร่หละ สมมติให้มูลค่าที่อาจจำหน่ายได้ เท่ากับ 300 ล้าน มันจะเกิดอะไรขึ้น
สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
ณ ไตรมาส 1/56
2,255 = 1,830 + 425
ถ้าหากปิดเอกรัฐโซล่าร์ (เดิมบันทึก ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 810 ล้าน ต้องบันทึกเป็น 300 ล้าน มูลค่าลดลง 510 ล้าน)
(2,255 - 510) = 1,830 + (425 - 510)
ส่วนของเจ้าของ ติดลบทันที อันนี้เรื่องใหญ่
แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ไม่ใช่ว่าบริษัทจะบันทึกสินทรัพย์เกินความเป็นจริงเท่านั้น แต่หนี้สินของบริษัท ก็บันทึกเกินความเป็นจริงเหมือนกัน เพราะยอดหนี้ที่บันทึกไว้ คือ 1,284 แต่จ่ายจริงเพียง 805 ล้าน ส่วนต่าง 479 ล้าน นี่หละสำคัญ การรีไฟแนนซ์ คือทางออก เพื่อที่จะให้มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เสียก่อน แล้วจึงปิดเอกรัฐโซล่าร์
2,255 = (1,830 - 479) + (425 + 479)
2,255 = 1,351 + 904 (*หน้าตางบดุลหลังรีไฟแนนซ์)
แล้วทำการปิดเอกรัฐโซล่าร์
(2,255 - 510) = 1,351 + (904 - 510)
จะเห็นว่าส่วนของเจ้าของเพียงพอแล้ว ไม่ติดลบ
เมื่อปิดเอกรัฐโซล่าร์แล้ว งบกำไรขาดทุน ก็จะดูดีขึ้นทันที - การเพิ่มทุน แล้วปิดกิจการ เอกรัฐโซล่าร์
ขั้นตอนก็คล้ายๆกับ แนวทางที่สอง แต่แทนที่จะเพิ่มส่วนของเจ้าของ โดยการรีไฟแนนซ์ เปลี่ยนเป็นการเพิ่มส่วนของเจ้าของโดยการเพิ่มทุนแทน ซึ่งแนวทางนี้น่าจะใช้เมื่อใกล้ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ 300 ล้าน ที่ต้องชำระในปี 57 แล้วยังปฏิบัติตามแนวทางที่ 1 หรือ 2 ไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม