- นั่งมอไซร์เสีย 60 บาท
- นั่ง Taxi เสีย 45 บาท
ความผิดพลาดของกลไกราคา จากแนวคิดเชิงเศรษฐศาสตร์ น่าจะเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ
- ค่ามอไซร์แพงเกินไป
- ค่า Taxi ถูกเกินไป
แต่ถ้าประเมินสภาพแวดล้อมผมว่า ค่า Taxi บ้านเราถูกเกินไป เพราะสังเกตุได้จาก Taxi เลือกที่จะยอมรถว่างเพื่อปฏิเสธรับคนไทย แสดงว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสส่วนเพิ่มมีมากกว่ากำไรส่วนเพิ่ม ในการรับคนไทย"
ผมมองว่าเรื่องค่า Taxi ที่ถูกเกินไปหรือไม่นั้นต้องดูว่าราคานี้ win-win ทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า คนขับก็ต้องได้กำไร คนนั่งก็ต้องคุ้มค่าเงินที่เสียไป
มุมมองฝั่งคนขับ
ผมว่าที่เขาทำราคานี้ได้เกิดจาก การใช้ asset turnover ของรถที่สูงมาก สมมติรถ 1 คนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 40,000 บาท(ค่าผ่อน ค่าแกส ล้างรถ) คิดต่อวันที่ 1333 บาท แต่รถเขาวิ่ง 24 ชั่วโมง (2 กะ) สร้างรายได้วันละ 2-3 พันบาทก็พอมีกำไรเลี้ยงลูก เมีย
ในแต่ละวันคนขับ taxi จะพยายามแสวงหากำไรสูงสุดภายใต้ข้อจำกัด จากข้อกฎหมายที่มาควบคุมราคา ทั้งการเลือกรับลูกค้าที่ให้กำไรต่อหน่วยสูงกว่าอย่างเช่นลูกค้าชาวต่างชาติ ที่อาจได้ทิปพิเศษ รายได้จากการพาลูกค้าไปแหล่งท่องเที่ยวทั้งอาบอบนวด ร้านเพชร ฯลฯ นี่ยังไม่รวมการลดต้นทุนต่างๆ เช่นใช้ gas ngv ที่ประหยัดว่าการใช้น้ำมัน
ในขณะที่วินมอเตอร์ไซต์ ราคาขึ้นกับความพึงพอใจของคนขับกับลูกค้า
มุมมองฝั่งลูกค้า
การนั่ง Taxi เหมือนซื้อรถพร้อมจ้างคนขับส่วนตัวสมมมติให้ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถตกเดือนละ 10000 บาท ค่าจ้างคนขับเดือนละ 15000 รวมค่าใช้จ่าย 25000 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อวันที่ 833 บาทถ้าค่าใช้จ่ายการนั่ง Taxi ต่อวันที่ 400 บาท(ไป 200 กลับ 200) การนั่ง Taxi จะได้กำไรวันละ 433 บาท เดือนละ 12990 บาท ปีละ155880 เอาตังค์มาลงหุ้นได้สบาย
นอกจากนั้นระหว่างรถติดๆ แค่มี 3G แรงๆเราสามารถใช้เวลาไปวิเคราะห์หุ้นได้อีกอาจได้กำไรเป็นเท่าตัว
ดูแล้วการนั่ง Taxi ก็ win-win ทั้งคู่แต่ผมมองว่าคนขับ วินมอร์เตอร์ไซต์ได้กำไรเยอะกว่าเหนื่อยน้อยกว่าด้วย นั่งๆนอนๆรอลูกค้า แต่ Taxi ต้องขับวันไปเรื่อยๆ
[1]https://www.facebook.com/DeerFreeDom/posts/3857279647117
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม