ยกแรก สู้กันด้วยความสามารถในการทำกำไร
เปรียบเทียบการทำกำไร |
กำไรพิเศษของ AQ ในปี 2556 |
ดังนั้นจะเห็นว่าบริษัทอสังหาจะอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจมากเพราะทำธุรกิจมีกำไรแต่ไม่ค่อยเห็นเงิน ถ้าเศรษฐกิจเริ่มชลอกลุ่มนี้จะไปก่อนเพื่อน
ยกที่สอง ใครขายของเก่งกว่ากัน
วงจรเงินสด |
ระยะเวลาขายสินค้า = ต้นทุนพัฒนาโครงการ/ต้นทุนขาย *360
ระยะเวลาชำระเจ้าหนี้การค้า = เจ้าหนี้การค้า-จ่ายล่วงหน้า/ต้นทุนขาย/360
วงจรเงินสด = ระยะเวลาเก็บหนี้ + ระยะเวลาขายสินค้า - ระยะเวลาชำระเจ้าหนี้
จะเห็นว่าวงจรเงินสดของ PF สั้นสุดที่ 1.93 ปี รองลงมาคือ SIRI ที่ 2 ปี และยาวที่สุดคือ AQ วงจรเงินสดยาวถึง 3 ปี บริษัทที่ใช้เวลาสร้างโครงการยาวๆกว่าจะโอนเงินก็จะจมชีวิตเริ่มรันทด
ยกสุดท้าน สู้กันด้วยหนี้สิน
เนื่องจากอสังหาเป็นธุรกิจที่วงจรเงินสดยาว กว่าจะสร้างโครงการแล้วได้เงินมาก็ใช้เวลาหลายปี ดังนั้นถ้าใครหนี้สินเยอะๆ แล้วจัดการไม่ทันชีวิตจะรันทน ไม่นานก็ต้องเรียกเพิ่มทุน ปันผลก็ไม่ได้แถมยังต้องควักเงินเพิ่มทุนให้อีก
จะเห็นว่าเนื่องจากอายุโครงการยาวเกินหนึ่งปีดังนั้นโครงสร้างหนี้สินควรเป็นหนี้ระยะยาวมากกว่าหนี้ระยะสั้น เมื่อดูอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะพบว่า PF มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 2.07 เท่า รองลงมาเป็น SIRI ที่ 1.89 เท่า และท้ายสุดเป็น AQ ที่ 0.06 เท่าหนี้ต่ำที่สุดเพราะพึ่งปรับโครงสร้างหนี้มา
ส่วนความสามารถในการชำระหนี้เนื่องจากทั้ง SIRI และ PF ดูไม่มีความสามารถในการชำระหนี้โดยมีอัตา modified interest coverage ratio ติดลบทั้งคู่คือ -6.48 และ -0.04 ตามลำดับแสดงว่าบริษัทมีไม่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยที่เพียงพอกับการจ่ายดอกเบี้ยจะรอดไหมเนี้ย แต่ดู PF มีภาษีกว่าเพราะอัตราสว่นติดลบน้อยกว่า และปี 2555 ยังเป็นบวก ส่วน AQ รอดตัวเพราะพึ่งปรับโครงสร้างหนี้มา
สรุป
ทั้งสามตัวงบไม่สวยเท่าไรแต่ถ้า SIRI และ PF สามารถปรับโครงสร้างหนี้ลดหนี้ลงได้ และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้อัตรากำไรสุงขึ้น และบริษัทเงินสดให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกได้ชีวิตน่าจะดีขึ้นครับผม ส่วน AQ ดิ้นปรับโครงสร้างหนี้มาตั้งแต่ปี 2540 ปัญหาพึ่งจบสู้ต่อไปนะไอ้มดแดง
สรุปอัตราส่วน |
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม