วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ถ้าไม่เจ๋งจริงอย่าเล่นสั้น!

1. การเล่นสั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม

ความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งของคนส่วนใหญ่ก็คือพวกเขามักจะคิดว่ายิ่งเล่นสั้นๆลงมาจะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงและช่วงปิดประตูเจ๊งได้ … นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดครับ นั่นก็เพราะจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งของการเล่นสั้นก็คือเรื่องของการถือหุ้นในช่วงเวลาสั้นๆซึ่งนำไปสู่ “อัตราการทบรอบ” หรือการวนรอบของเม็ดเงินในการลงทุนที่สูงมากๆ

อัตราการทบรอบตรงนี้เองที่เป็นเสมือนกับดาบสองคมเนื่องจากว่า หากกลยุทธ์หรือระบบการลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมันก็จะช่วยให้การเติบโตของเงินทุนสูงและ Smooth มากๆ แต่หากว่ากลยุทธ์ของคุณไม่ดีเพียงพอแล้วล่ะก็ อัตราการทบรอบที่สูงมากๆจากกลยุทธ์แบบนี้จะกลายเป็นตัวเร่งให้คุณเกิดการขาดทุนอย่างรวดเร็วแบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

2. การสร้างกำไรกำไรคาดหวังที่เป็นบวก (Positive Expectancy) จากระบบการลงทุนระยะสั้นนั้นยากมากๆสำหรับนักลงทุนรายย่อยโดยทั่วไป

กลยุทธ์ที่ให้กำไรคาดหวังที่เป็นบวก คือเงื่อนไขแรกที่สุดที่คุณจำเป็นจะต้องมีเสียก่อนที่จะทำการเก็งกำไร (ใครพึ่งมาอ่านเวบผมแล้วไม่รู้ว่ามันคืออะไรให้ย้อนไปอ่านบทความนี้ครับ Expectancy ) ซึ่งแน่นอนว่ามันประกอบไปด้วยตัวแปรหลักๆสองตัวก็คือ

1. ความแม่นยำ (Accuracy)

2. แต้มต่อเวลาได้กำไรและขาดทุน (Pay-off Ratio)

การเล่นสั้นๆนั้นมีจุดอ่อนที่ต้องระวังก็คือเรื่องของ Pay-off Ratio ที่ค่อนข้างจะต่ำมากๆ และนั่นทำให้คุณไม่มี Margin of Error เผื่อความผิดพลาดของคุณสักเท่าไหร่นัก ระบบการเล่นสั้นๆนั้นมักที่จะให้ Pay-off Ratio ที่ต่ำกว่า 1 เท่าเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกมันจึงต้องพึ่งพาระดับความแม่นยำของการเทรดที่สูงมากกว่า 50% แทบทั้งสิ้น และสิ่งนี้เองที่ทำการสร้างกำไรคาดหวังที่เป็นบวกยากมากกกกกกกก

3. การเล่นสั้นมีสัดส่วนของต้นทุนคือค่า Commision และ Slippage ที่สูงมากๆ

เรามักจะพบว่ากลยุทธ์การเล่นสั้นๆนั้นจะได้ผลดีเป็นอย่างมากสำหรับพวก Proprietary Trader (Prop Trade) หรือพวกที่เป็นนักเก็งกำไรให้กับบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ นั่นก็เพราะพวกเขาแบกรับต้นทุนการซื้อขายที่เท่ากับ 0 หรือต่ำมากๆ แต่สำหรับนักลงทุนรอบนอกอย่างพวกเราแล้วถือได้ว่าเสียเปรียบพวกเขาอย่างเต็มประตู

ณ อัตราค่าคอมมิสชั่นที่ระดับราวๆ 0.15% – 0.25% ต่อการซื้อหรือขายแต่ละครั้งนั้นดูเหมือนกับว่าจะไม่มากมายอะไรนัก อย่างไรก็ตามหากคุณใช้กลยุทธ์การซื้อมาขายไปแบบถี่มากๆแล้วล่ะก็พวกมันจะกลายเป็นต้นทุนที่หนักมากๆขึ้นมาในทันทีนั่นก็เพราะกำไรเฉลี่ยโดยส่วนใหญ่ของกลยุทธ์การเล่นสั้นนั้นมักจะไม่สูงกว่า 5% ต่อรอบ นี่จึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว Slippage ซึ่งเกิดมาจากความล่าช้าในการส่งคำสั่งการซื้อขายหรือความใหญ่ของ Order ที่คุณเทรดก็จะยิ่งกลายเป็นไขมันส่วนเกินชิ้นใหญ่ของพอร์ทโฟลิโออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

4. การเล่นสั้นไม่ลงรอยกับ Statistical Returns Distribution ของตลาดหุ้น

ผมเคยพูดไปแล้วในบทความเก่าๆว่าสำหรับนักลงทุนธรรมดาๆนั้น การพยายามใช้กลยุทธ์หรือระบบการลงทุนที่เน้นการกินกำไรก้อนใหญ่ๆแบบพวก Super Trend นั้นจะเป็นหนทางทำกำไรอย่างยั่งยืนที่ง่ายกว่าสำหรับพวกเราในระยะยาว โดยเหตุผลหลักๆของมันเพราะวิธีการเหล่านี้คือวิธีการที่ไม่ฝืนธรรมชาติในการคายผลตอบแทนของตลาดออกมา รูปแบบการคายผลตอบแทนของหุ้นในตลาดตรงนี้คือสิ่งที่เรียกว่า Statistical Returns Distribution แปลเป็นไทยได้ประมาณว่ามันคือการกระจายตัวของผลตอบแทนของหุ้นในตลาดนั่นเอง โดยตารางด้านล่างต่อไปนี้เป็นตาราง Returns Distribution ที่ผมได้เก็บข้อมูลขึ้นมาจากผลตอบแทนของหุ้นทุกตัวที่อยู่ในตลาดทั้งหมดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 – ปัจจุบัน ในแต่ละคาบเวลาออกมา

ผมขอให้สังเกตุผลการกระจายตัวของหุ้นรายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือนและรายปีเปรียบเทียบกันดู เราจะเห็นได้ว่าในระยะรายสัปดาห์และรายเดือนหรือมากกว่านั้น Return Distribution จะค่อยๆมีลักษณะเป็นแบบ Long Tail อย่างชัดเจนขึ้นมา

5. กลยุทธ์หรือระบบการลงทุนระยะสั้นมักมีอายุที่จำกัดและขาดความยั่งยืน

สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจสำหรับ Short Term Trader ก็คือระบบการลงทุนส่วนใหญ่มักขาดความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องมันฝืน Returns Distribution ของตลาด นอกจากนี้แล้วคนส่วนใหญ่ก็มักที่จะพยายามวิ่งไปสู่ระบบที่ให้ผลตอบแทนในช่วงสั้นๆที่ผ่านมาสูงที่สุดอยู่เสมอ และเมื่อทุกคนพยายามวิ่งเข้าสู่ระบบระยะสั้นที่ให้กำไรสูงที่สุดในช่วงนั้นๆ สภาวะการแข่งขันและแย่งชิงความได้เปรียบจึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรง สิ่งนี้เองที่ทำให้ความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Inefficiancy) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของผลกำไรจากระบบการลงทุนระยะสั้นนั้นมีช่วงชีวิตที่สั้นมากกว่าระบบการลงทุนในระยะยาว

(*** ระบบการลงทุนระยะกลาง-ยาวมักมีความยั่งยืนสูงกว่าเนื่องจากพวกมันมักมีกลไกปกป้องตนเองจากคนส่วนใหญ่ด้วยอัตรา Drawdown ที่ค่อนข้างสูงและยาวนานมากๆของระบบ นี่จึงทำให้ระบบเหล่านี้มักถูกมองข้ามหรือฝืนจิตใจของคนส่วนใหญ่มากเกินไป)

6. การเล่นสั้นๆต้องการสภาวะทางจิตใจและร่างกายที่สมบูรณ์ค่อนข้างมาก

นี่ถือเป็นปัจจัยหินๆปัจจัยสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงในบทความนี้ ผมอยากบอกว่าไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าการเล่นสั้นๆแล้วทำกำไรออกมารายวันรายสัปดาห์ได้นั้นมันจะดูเท่ห์สักแค่ไหนก็ตาม แต่คุณต้องระลึกไว้อยู่เสมอว่ากลยุทธ์แบบนี้ต้องการความ “ฟิต” อย่างสูงที่สุด!

เบื้องหลังของความสำเร็จของบุคคลที่สามารถจะเก็งกำไรในระยะสั้นได้สำเร็จนั้น คือความพยายามและวินัยที่สูงมากๆ นี่คือเหตุผลที่ผมไม่เคยด่า Prop Trader สักคนถึงแม้ว่าเขาจะได้เปรียบในด้านต้นทุนการเทรดกว่าพวกเรา (นอกจากนี้ยังมีกฏระบบในการเทรดอีกเยอะแยะ) คนพวกนี้คือคนที่มีความฟิตและวินัยที่สุดยอดมากๆ คนที่เล่นสั้นเก่งๆจะต้องมีความนิ่ง, สมาธิและการตัดสินใจที่เยี่ยมยอด ซึ่งหากว่าคุณไม่ได้มีทั้งเวลาและคุณสมบัติเหล่านี้แล้วล่ะก็ผมขอแนะนำให้อยู่เฉยๆจะดีกว่า เพราะบางทีแล้วการไม่ไปยุ่งกับตลาดในช่วงสั้นๆอาจจะช่วยลด Drawdown ที่เกิดขึ้นในการลงทุนของคุณได้มากกว่าก็เป็นได้ …

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

สงสัยอะไรถามได้ครับผม