วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อ่านงบการเงินใน 15 นาที

วันนี้ไปพูดที่ งานร่วมระหว่างโบรกกิมเอ็งกับสำนักพิมพ์คิดดี  ให้เวลา 15 นาที พูดเรื่องงบการเงิน เลยสรุปเรื่องงบการเงินเหลือ 1 slide พอตามภาพ

สรุปงบการเงิน

  • วัตถุประสงค์การอ่านงบ เพื่อ เรียนรู้อดีต เข้าใจปัจจุบัน และทำนานอนาคต (เห็นกำไรก็เห็นราคาหุ้น)
  • งบการเงินเริ่มจากนักบัญชีต้องการบันทึกกิจกรรมในธุรกิจให้เป็นระบบ
  • เริ่มจากสังเกตุรายการค้าในธุรกิจมี 3 เรื่องคือ รายได้ รายจ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น
  • งบการเงินจะบอกสองส่วนคือ 
    • แหล่งที่มาของเงิน (เครดิต) ว่ากิจการหาเงินมาจากไหน ประกอบด้วยรายได้ หนี้สินซึ่งแบ่งย่อยเป็น หนี้สินหมุนเวียนหรือหนี้ที่จ่ายใน 1 ปีรายการหลักคือเจ้าหนี้การค้า กับหนี้สินไม่หมุนเวียนหรือหนี้ที่จ่ายมากกว่าหน่งปี และส่วนของผู้ถือหุ้น
    • แหล่งที่ใชไปของเงิน (เดบิต) ว่ากิจกการใช้เงินไปที่ไหนบ้าง ประกอบด้วยรายจ่าย, สินทรัพย์แบ่งเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนหรือสินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินได้ใน 1 ปีรายการหลักคือลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือ กับสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่เปลงเป็นเงินใช้เวลามากกว่า 1 ปี รายการหลักคือที่ดินอาคารและอุปกรณ์
  • สรุปออกเป็น 2 งบคืองบกำไรขาดทุน จะบอกว่าในช่วงนั้นมีรายได้และรายจ่ายเท่าไร กับงบแสดงฐานะการเงิน(งบดุล)ที่บอกว่า ณ วันนั้น กิจการมีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไร
  • งบกระแสเงินสดเป็นการจัดประเภพรายการค้าตามการตัดสินใจในธุรกิจประกอบด้วย 3 กิจกรรมคือ
    • เงินสดสุธิจากการดำเนินงาน (CFO) เกี่ยวของกับการตัดสินใจในการดำเนินงาน จะประกอบด้วยรายการสำคัญคือ รายได้ รายจ่าย การเปลี่ยนแปลงในสินทรพย์หมุนเวียน(ลูกหนี้การค้า,สินค้าคงเหลือ) และการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินหมุนเวียน(เจ้าหนี้การค้า)
    • เงินสดสุทธิจากการลงทุน (CFI) เกี่ยวข้องกับการตัดสินลงทุนของกิจการ ประกอบด้วยรายการสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์)
    • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหารเงิน (CFF) เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจว่าจะหาเงินมาจากไหนประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินไม่หมุนเวียน และการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น
  •  การวิเคราะห์ให้อัตราส่วนทางการเงิน
    • อัตราส่วน = การวัดประสิทธิภาพ = output/input => ใส่ input ไป 1 หน่วยได้ out put ออกมาเท่าไร 
    • การบริหารกำไร ประกอบด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM=กำไรขั้นต้น/ยอดขาย*100), อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin= EBIT/ยอดขาย*100) และอัตรากำไรสุทธิ (NPM=กำไรสุทธิ/ยอดขาย*100) ยิ่งเยอะและสม่ำเสมอยิ่งดี
    • การบริหารสภาพคล่อง ประกอบด้วย ระยะเวลาเก็บหนี้ (AR day =ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย/ยอดขาย*360) ระยะเวลาขายสินค้า (inventory day= สินค้าคงเหลือเฉลี่ยน/ต้นทุนขาย*360) ระยะเวลาชำระเจ้าหนี้การค้า (AP day = เจ้าหนี้การค้าเฉลี่ยน/ต้นทุนขาย*360) และ วงจรเงินสด (cash cycle = ระยะเวลาขายสินค้า + ระยะเวลาเก็บหนี้ - ระยะเวลาชำระเจ้าหนี้) น้อยๆหรือติดลบดี
    • การบริหารสินทรัพย์ อัตราส่วนหมุนเวียนทรัพย์สิน (asset turnover=ยอดขายหารสินทรัพย์รวมเฉลี่ย) ยิ่งเยอะยิ่งดี  อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROE = EBIT/สินทรัพย์รวมเฉลี่ย*100)
    • ความเสี่ยงเรืองหนี้สิน อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (DE ratio = หนี้สินรวมหรือส่วนของผู้ถือหุ้น) ยิ่งน้อยยิ่งดี อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE=กำไรสุทธิ/ส่วนของผู้ถือหุ้น*100)
  • กรณีศึกษา ยกตัวอย่าง PAE สมัยก่อนทำรับเหมาก่อสร้างและงาน oil&gas มีปัญการการควบคุมค่าใช้จ่ายของงานรับเหมาก่อสร้างทำให้ขาดทุน และกระทบต่อการปล่อยเงินกู้ของธนาคารที่จะมาซื้อเครื่องจักในงาน oil&gas ทำให้รับงานไม่ได้และขาดงเงินลงไปอีก
  • ต่อมาเมื่อเดือน พษฤภาที่ผ่านมาได้ทำการเพิ่มทุนมาจะทำให้ปลดล็อกให้เจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้มาซื้อเครื่องจักรงาน oil&gas ทำให้รับงานได้รายได้จากงานที่ลาดกระบือประมาณ 300 ล้านต่อปี ส่วนงานรับเหมาน่าจะรับรู้ขาดทุนใกล้หมดแล้ว
การเข้าไปดู สรุปข้าสนเทศบริษัทจดทะเบียนของ www.set.or.th


บรรยากาศบนเวที ผู้ชมเยอะม้วก

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

สงสัยอะไรถามได้ครับผม