วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แก่นแท้ประเมินมูลค่าหหุ้น

จะซื้อของทั้งทีคงไม่มีใครอยากได้ของดีราคาแพง ในการวัดความถูกแพง ถ้าเข้าใจแก่นก็สามารถต่อยอดไปได้อีกเยอะครับ โดยการประเมินมูลคาแท้จริงเป็นเรื่องเปรียบเทียบ หลักๆจะดูอยู่ 3 เรื่อง

1.ได้อะไรมา


การลงทุนซื้อหุ้นเราได้ตัวบริษัทและกระแสเงินสดที่ผลิตได้ในอนาคต ถ้าเรามองว่าเราซื้อหุ้นแล้วได้กำไรแต่และปีมาเป็นของเรา การอ่านงบเพื่อให้รู้ว่าลักษณะกำไรของบริษัทเป็นอย่างไร เราอาจแบ่งลักษณะกำไรของหุ้นเป็น 6 ประเภทตามแนวของปีเตอร์ลินซ์ มีดังนี้


  • กำไรโตแข็งแกร่ง โตเรื่อยๆตามอุตสาหกรรม รายได้กำไรโตสม่ำเสมอ มีการลงทุนเรื่อยๆ ROE ROA สม่ำเสมอ
  • กำไรโตเร็ว อุตสาหกรรมกำลังเติบโต ลงทุนสูง จะโตได้ไกล กระแสเงินสดควรเป็นบวก ROE ROA สม่ำเสมอ
  • กำไรโตช้า อุตสาหกรรมเริ่มอิ่มตัว คู่แข่งบาน รายได้เริ่มโตช้าลง ลงทุนเยอะกำไรโตน้อย ROA ROE ลดลงเรื่อยๆ 
  • หุ้นวงจรกำไรโตเป็นรอบๆ 
  • หุ้นเทรินอราวด์ พลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร
  • หุ้นสินทรัพย์แฝง ซื้อๆไว้เดี๋ยววันดีคืนดีก็เอาสินทรัพย์ไปขายก็ได้กำไรมาเป็นก้อน


2.จ่ายไปเท่าไร


เราจ่ายเงินซื้อหุ้นที่ราคาตลาด ณ วันนั้น ถ้าไม่เอาราคาตลาดก็ไปต่อรองกันเอง


3.คุ้มหรือไม่


ผลตอบแทนที่ได้คุ้มกับที่เราจ่ายหรือไม่ ถ้าอยู่ตัวคนเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าถูกแพงต้องมีตัวเปรียบเทียบ

3.1ประเมินมูลค่าด้วยอัตราส่วน PE PBV PS 

เป็นการเปรียบเทียบเหมือน Apple to Apple
pe pbv ps pcfo เป็นการเอาสิ่งที่จ่ายpเทียบกับสิ่งที้ได้ เช่น eกำไร bv cfo .........
ถ้าสิ่งที่ได้เหมือนๆกัน บริษัทที่จ่ายซื้อน้อยกว่าแสดงว่าจะถูกกว่า

3.1คิดลดกระแสเงินสด DDM 


ตัวเปรียบเทียบคือ ตัวคิดลดที่เอามาหาร
ยกตัวอย่าง คิดลดเงินปันผล p=d/k-gค่าที่ได้บอกว่า
ถ้ากระแสเงินสดในอนาคตที่เราคาดการณ์เท่ากับ เงินปันผลในอนาคตเท่า d ที่โตเรื่อยๆเท่ากับg (ย้ำว่าคาดการณ์)
ตัวเปรียบเทียบถูกแพงคือ ผลตอบแทนที่คาดหวัง(ผลตอบแทนทางเลือกถ้าไม่ซื้อหุ้นตัวนั้น)เท่ากับk
pคือ ใช้เงินลงทุนในปัจจุบัน ที่ทำให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับk
เอาค่าที่ได้มาเทียบราคาปัจจุบัน

1.ถ้าราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่าราคาที่คำณวณได้ แสดงว่า เราซื้อของ"ถูก" เพราะได้ผมตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า k
2.ราคาปัจจุบัน เท่ากับราคาที่คำนวณได้ แสดงว่า "ไม่ถูกไม่แพง" เพราะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับk
3.ถ้าราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่าราคาที่คำณวณได้ แสดงว่า เราซื้อของ"แพง" เพราะได้ผมตอบแทนจากการลงทุนน้อยกว่า k

ส่วนdcfแค่เปลี่ยนรูปแบบกระแสเงินสดกับตัวคิดลด

โดยสรุป การประเมินมูลค่าก็เหมือนการบอกว่า ท่อนไม่สั้นหรือยาว ถ้าเอาไปเทียบกับไม่ที่สั้นกว่ามันก็ยาว เอาไปเทียบกับไม้ที่ยาวกว่ามันก็สั้น นั่นเอง


ติดตามเราได้ที่ Website : http://www.investidea.in.th
Facebook : http://www.facebook.com/investidea.in.th
Line ID : @investidea.in.th ใส่@นำหน้าด้วย
สัมมนาวิเคราะห์หุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ดูรายละเอียดและตารางอบรมได้ที่http://www.investidea.in.th/p/value-investor.html
หรือสอบถามราบละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ Line; pat4310, หรือโทร 086-503-5023

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

สงสัยอะไรถามได้ครับผม