"ใครเขาคิดว่าเราเป็นอย่างไร
เราก็เป็นอย่างนั้นในความคิดของเขา
ในความเป็นจริง เราจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่การกระทำของเราเอง
ในมุมกลับกัน เราคิดว่าเขาเป็นอย่างไร
เขาก็เป็นอย่างนั้นในความคิดของเรา
ในความเป็นจริง เขาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่การกระทำของเขาเอง
ดังนั้นอย่ายัดเยียดให้ใครเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เพียงแค่เราคิดไปเอง
และไม่ต้องเดือนร้อนใจกับที่ใครเขาคิดไปเองว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เพราะความจริงก็คือความจริง
หากเราอยู่กับความเป็นจริงจะไม่ทุกข์ร้อนใจ
เช่นเดียวกับจิตที่อยู่กับความเป็นจริงของ "ไตรลักษณ์"
จะไม่ทุกข์ร้อนแม้ต้องเจอสิ่งที่ไม่ดีก็ตาม^_^"
Surawat Sereewiwattana
บทความที่ยกมาข้างต้นสะท้อนถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดของนักลงทุนมือใหม่(มือเก่าก็ด้วย) ในการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนที่มากที่สุดคือ "อคติ" ซึ่งการวิเคราะห์ด้วยอคติ แต่เราจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่เราอยากให้เป็น เช่น มีเซียนหุ้นแนะนำว่าหุ้นตัวนี้ดีเวลาเรามาวิเคราห์เองก็จะพยายามมองหาแต่แง่ดีของหุ้นตัวนั้น มีตัวเลขดีสนับสนุนไปหมด ข้อมูลอะไรที่ไม่ดีถึงเห็นก็หลิ่วตาไว้ข้างหนึ่งแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เมื่อไม่ได้มองหุ้นตามความเป็นจริงว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เข้ามา ไม่ใช่ตามที่เราคิด สมมติฐานต่างๆที่เราคิดไว้ก็ไม่เป็นความจริง ราคาที่เหมาะสมที่คำนวญมาก้ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เหมือนเราใส่ ขยะ เข้าไปเป็น input พอคำนวณ output ออกมาก็เป็นขยะเช่นกัน ใช้ขยะในการตัดสินใจสุดท้ายก็.....
Garbage In, Garbage Out |
ในการกำจัดอคติออกจากการวิเคราะห์หุ้น ตามตำราวิชาการก็จะดึงตัวเราออกมาจากการวิเคราห์ทำตัวเป็นเพียงแค่ผู้รู้ผู้ดู ทั่วไปก็จะใช้เครื่องมือทางสถิติเข้ามาประมาณค่าเช่นการใช้ค่าเฉลี่ย ,การพยากร, เพราะเชื่อว่าค่าที่ออกมามาจากพฤติกรรมของข้อมูลในอดีตก็มีโอกาสที่จะเป็นเหมือนเดิมอีกในอนาคต ลองดูตัวอย่าง การประเมินมูลค่าหุ้นด้วยการใช้ forward PE ซึ่งเป็นการประเมิณมูลค่าหุ้นด้วยวิธีง่ายๆ
1. ขั้นแรกก็ต้องเดากำไรสุทธิในปีหน้าก่อน เริ่มต้นด้วยการเดาการเติบโตของยอดขาย สมมติว่าบริษัทมียอดขายปีนี้เท่ากับ 100 ล้าน ใช้หลักสถิติก็ย้อนไปดูปีก่อนๆว่ากำไรโตปีละ 20% ทุกปีติดต่อกันมา10ปี เดาว่าปีหน้าก็คงโต 20% เหมือนกัน
ขั้นต่อมาก็ประมาณการต้นทุน ก็สังเกตุอีกว่าต้นทุนขายปีนี้เท่ากับ 50 ล้านบาทและโตในอัตราเดียวกับยอดขาย ก็เดาอีกว่าปีนี้ก็คงเหมือนเดิมโต 20% เหมือนกับยอดขาย
ส่วนต้นทุนที่เหลือก็เท่าเดิมที่20ล้านมา 10 ปีแระก็ให้เป็นค่าคงที่ไป
สรุปว่ากำไรปีหน้าเท่ากับ
กำไรปีหน้า = ยอดขายปีหน้า-ต้นทุนขายปีหน้า-ต้นทุนคงที่
120-60-20 = 40ล้าน ..........เย้
2. ค่า PE ที่เหมาสมของอุตสาหกรรมคือ 10 เท่า
ดังนั้นราคาที่เหมาะสมคือ 40*10= 400 ล้านบาท (ทั้งบริษัทมีหุ้นเดียว)
3 ราคาตลาดของหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 200 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมที่ 400 ล้านบาทมาก เห็นดังนี้ก็รีบขายบ้า้้นขายรถมาซื้อ
ดูผ่านๆไปก็เหมือนดูดี ทุกอย่างไม่มีความคิดเราเข้ามาเกี่ยวข้องใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ซึ่งไม่เคยโกหกใครอย่างเดียว แต่นี่ก็เป็นอคติอย่างหนึ่งคือมีอคติว่ามันไม่มีอคติ ในตัวอย่างเราบอกว่ายอดขายปีหน้าจะโต 20% ก็ต้องถามกลับว่าเหตุมันเหมือนเดิมหรือเปล่า เมื่อเหตเปลี่ยน ผลก็เปลี่ยน ยกตัวอย่างบริษัท CEI ทำพัดลมติดเพดานยอดขายโตทุกปีวันดีคืนดีลูกค้ารายใหญ่หนีไปสั่งผลิดที่จีนยอดขายหายไป 90% แล้วไม่กลับมาอีกเลย สถิติทุกอย่างที่หามาใช้ไม่ได้ในวันเดียว จนบัดนี้(พ.ศ.2554)ก็ัยังตอบไม่ได้ว่าเลิกผลิตพัดลมแล้วจะทำอะไรให้บริษัทมีกำไร ตอนนี้ก็ขายของเก่ากินไปเรื่อยๆ
สรุปว่า จะวิเคราะห์หุ้นก็ต้องมองหุ้นตามความเป็นจริง เห็นอย่างที่มันเป็น ก็คือไตรลักษ์คือทุกสิ่งมีเหตุก็เกิดหมดเหตุก็ดับบังคับไม่ได้ แล้วอยู่กับหุ้นอย่างมีความสุขครับ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอะไรถามได้ครับผม