วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อัตราส่วน PE กับผลตอบแทนที่คาดหวัง และแนวทางใช้งาน

หลายคนชอบท่องกันว่าอัตราส่วน PE เท่ากับส่วนกลับของผลตอบแทนที่คาดหวัง วันนี้จะมาพิสูจน์เชิงคณิตศาสตร์กันครับว่ามันมาอย่างไรและมีอะไรอยู่เบื้องหลัง

ทฤษฎีที่ใช้

  • ทฤษฎีเรื่องค่าเสียโอกาส : นักลงทุนมีค่าเสียโอกาสเป็นผลผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ k ถ้าโครงการลงทุนให้ผลตอบแทนน้อยกว่าผลตอบแทนที่คาดหวังก็จะไม่ลงทุน นั่งกระดิดตีนรับผลตอบแทนที่แน่นอนเท่ากับ k ดีกว่า
  • มูลค่าของเงินตามเวลา future value, present value
  • การตัดสินในลงทุนด้วย NPV


ถ้าให้บริษัทแห่งหนึ่งมี กำไรคงที่เท่ากับ E ราคาหุ้นวันนี้ซื้อขายที่ P และนักลงทุนมีผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ k จะสามารถคิดมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดได้เท่ากับ
..(1)

จากความรู้เรื่องอนุกรมจะได้ว่า
    ..(2)


  • นักลงทุนจะตัดสินใจลงทุนเมื่อ NPV > 0 เพราะจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง 
  • นักลงทุนจะไม่ตัดสินใจลงทุนเมื่อ NPV < 0  เพราะจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนน้อยกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง 
  • นักลงดังนั้นนักลงทุนจะยอมซื้อหุ้นตัวนี้สูงสุดที่ระดับราคาที่ทำให้ NPV = 0
ให้ NPV = 0
..(3)

สมการที่ 3 บอกว่าถ้าบริษัทแห่งหนึ่งมีกำไรคงที่เท่ากับ E ไปตลอดกาล นักลงทุนมีผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ k นักลงทุนคนนี้จะยอมซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคาสูงสุดกี่เท่่าของกำไร

วิธีการใช้งาน


  1. ใช้หาหุ้นถูก สมมติตลาดต้องการผลตอบแทนเท่ากับ 10% ดังนั้น PE ที่เหมาะสมของหุ้นตัวใดๆจะเท่ากับ 1/0.1 = 10 เท่าของกำไร เนื่องจากค่า PE เป็นค่าอัตราส่วนทำให้สามารถนำค่านี้มาเปรียบเทียบกันได้ดังนั้นถ้าหุ้นตัวไหนที่ PE < 10 แปลว่าหุ้นตัวนั้นถูกเพราะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าที่คาดหวัง (10%) ซึ่งเราสามารถแสกนหุ้นที่ PE < ค่าที่ต้องการได้ที่ เว็ป siamchart.com/stock ครับ
  2. ใช้หาราคาเป้าหมาย ราคาเป้าหมาย = EPS x PE เช่นเราคาดว่าปีนี้หุ้นจะมี EPS = 3 บาท จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 3 x 10 = 30 เป็นต้น

ข้อควรระวัง 

  • สมมติฐานของ PE คือกำไรคงที่ดังนั้นการใช้ PE ไปวัดหุ้นวัฎจักรหรือหุ้นที่กำไรผันผวนก็คงไม่เหมาสมนัก ในทางปฎิบัติจะใช้ตัวคูณที่ต่ำไว้ก่อน
  • หรือการใช้วัดหุ้นที่ มี growth ในอนาคตมากๆ ก็คงไม่เหมาะนัก เซียนหลายท่านจึงตัดสินใจลงทุนโดยใช้ PEG ช่วย

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

สงสัยอะไรถามได้ครับผม